การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของผู้นำไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นข่าวใหญ่ของทั้งสองประเทศ เพราะเป็นการฟื้นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศในรอบ 30 ปี จึงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนซาอุดีอาระเบียเป็นพิเศษ โดยสื่อมวลชนของซาอุดีอาระเบีย ได้เกาะติดนำเสนอข่าวตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ลงจากเครื่องบิน ไปจนถึงการพบปะพูดคุยของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่หนังสือพิมพ์ Saudi gazette สื่อชื่อดังของซาอุดีอาระเบีย ถึงกับลงข่าวและภาพการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ของพลเอกประยุทธ์ บนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ 26 มกราคม 2565 พร้อมกับพาดหัวข่าวว่า ซาอุดีอาระเบีย-ไทย เปิดฉากความสัมพันธ์รอบใหม่ ริยาด-กรุงเทพ ฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบ เตรียมแต่งตั้งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามหากนำมาเปรียบเทียบการทำหน้าที่สื่อมวลชนบางสำนักในประเทศไทย ต้องบอกว่า แตกต่างราวฟ้ากับเหว ทั้งที่การฟื้นสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบียได้สำเร็จ จะส่งผลดีต่อประเทศไทยและคนไทยในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ การค้า ท่องเที่ยว และภาคแรงงาน โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวของช่องหนึ่ง ที่ไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น เพราะยังนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับคดีเพชรบลูไดมอนด์ว่ายังคงเป็นคดีลึกลับ พร้อมกับพาดหัวว่า ไม่คืนเพชร แต่คืนดี? รวมทั้งอ้างว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของพลเอกประยุทธ์ สร้างคำถามให้แก่คนไทยทั้งประเทศว่า เดินทางไปเยือนเพื่ออะไร และความสัมพันธ์ของไทยกับซาอุดีอาระเบียพัฒนาขึ้นในแง่บวกจากปัจจัยอะไร
นอกจากนี้ยังมีสื่อออนไลน์ช่องหนึ่ง ที่ถึงขั้นเขียนบทความ รู้จัก ‘โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน’ ผู้โหดเหี้ยมและใจร้อน ก่อน ‘ประยุทธ์’ เข้าพบวันนี้ อีกทั้งยังมีสื่อทีวีบางแห่งบิดเบือนว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางซาอุดิอาระเบียมาต้อนรับพลเอกประยุทธ์ มีเพียงรองผู้ว่าฯเท่านั้น จนโลกออนไลน์นำไปเผยแพร่ สร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคมอย่างรุนแรง