วันที่ 26 ม.ค. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีบุคคลสำคัญเดินทางมาร่วมไว้อาลัยกันเป็นจำนวนมาก ด้าน นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล ซึ่งเป็นพ่อของหมอกระต่าย เปิดเผย ก่อนที่จะมีการพระราชทานเพลิงศพ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่าไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเหมือนฝันที่แสนโหดร้าย หมอกระต่ายคือความหวังของครอบครัว และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัว ส่วนเรื่องคดีความตอนนี้ ยังไม่ได้คิดหรือวางแผนอะไร ขอให้จัดการเรื่องงานศพหมอกระต่ายให้เรียบร้อยก่อน ส่วนเรื่องคู่กรณีก็ขออนุโมทนาบุญด้วยมีความตั้งใจบวชให้หมอกระต่าย
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ พระนรวิชญ์ และ พระพ่อ ที่เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพหมอกระต่ายด้วย โดยทั้งคู่เดินทางมาถึงที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยพระทั้ง 2 รูป เดินทางด้วยรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 7กอ 7483 กรุงเทพมหานคร โดย พระนรวิชญ์ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ยอมรับข้อหาที่ ถูกแจ้งเพิ่มอีก 2 ข้อหา และหลังเสร็จจากงานพระราชทานเพลิงศพแล้ว จะกลับมาสึก และจะยังคงนุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมต่อไป
หลังเสร็จสิ้นเข้าร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ แพทย์วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย พระนรวิชญ์ บัวดก และพระนิคม ผู้เป็นพ่อ ก็รีบเดินทางกลับมายังวัดปริวาส ทันที
เมื่อมาถึงวัดในเวลาประมาณ 14.45 น. สื่อมวลชนได้พยายามเข้าไปสอบถามพระทั้ง 2 รูปว่า ได้กล่าวหรือแสดงความอาลัย หรือขอขมาอะไรต่อหมอกระต่ายหรือไม่ โดยพระนรวิชญ์ กล่าวก่อนลาสึก ว่า หลังจากนี้ จะขอตั้งใจนุ่งขาวห่มขาวถือศีล เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต โดยยังไม่สามารถกำหนดได้ว่า จะถือศีลนานเท่าไหร่ เพราะอยู่ระหว่างการหารือกับพระอาจารย์ อีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่พระนิคม พ่อของพระนรวิชญ์ เปิดเผยว่า หลังจากวางดอกไม้จันทน์ รู้สึกดีขึ้น แต่ยังคงหนักใจอยู่หลายเรื่อง ซึ่งวันนี้ตนจะทำการสึกพร้อมกันกับลูกชาย ซึ่งหลังจากสึกเสร็จแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะไปปฏิบัติธรรมที่ไหนต่อ ทั้งนี้ ตอนนี้สภาพจิตใจของพระนรวิชญ์ยังไม่ค่อยดี ซึ่งตนในฐานะพ่อก็มีความเป็นห่วง และรู้สึกทุกข์ใจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม 2 นายก็พาเข้าไปยังกุฏิ เพื่อทำพิธีลาสิกขาทันที ซึ่งผู้ที่กล่าวสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามมาด้วยจะได้เตรียมชุดนุ่งขาวห่มขาวไว้ 2 ชุด คาดว่า พระทั้ง 2 รูป น่าจะสึกพร้อมกัน ซึ่งผิดไปจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า พระนิคมผู้เป็นพ่อจะบวชต่อไปอีกสักระยะ
จากนั้นพระทั้ง 2 รูปก็ เดินเข้าไปยังใต้ศาลามีพระสงฆ์ 9 รูป เข้าร่วมพิธีเปล่งวาจาลาสิกขา มีพระครูรูปหนึ่ง ทำการลาสิกขา จากนั้นพระครูฯ ได้รดน้ำมนต์ให้กับ 2 คน และทั้งสองคนได้ไปเปลี่ยนเป็นชุดขาว มารับศีลรับพรจากพระครูฯ ที่ได้กล่าวให้โอวาท ใจความสำคัญระบุว่า หลังจากนี้ขอให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี
หลังจากทำพิธีลาสิกขาเสร็จสิ้น ทั้งสิบตำรวจตรีนรวิทย์ และร้อยตำรวจตรีนิคม ก็เดินลงมาจากกุฏิด้วยชุดนุ่งขาวห่มขาว เพื่อที่จะเดินทางกลับบ้าน จังหวะนี้สื่อมวลชนได้พยายามที่จะเดินเข้าไปสอบถาม อีกครั้งหนึ่ง ว่าจากนี้จะ ทำอย่างไรต่อไปทั้งในเรื่องของการใช้ชีวิตและการต่อสู้ทางคดี
โดยร้อยตำรวจตรีนิคมบอกว่า ก็ต้องอยู่ให้กำลังใจลูกชายต่อไปส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย จากนี้ขอกลับไปพักที่บ้าน ส่วนสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ไม่ได้พูดอะไรจากนั้นก็ขึ้นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วขับรถออกไป