บรรยากาศตั้งแต่เช้าที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน กรุงเทพมหานคร เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งเป็นวันพระราชทานเพลิงศพ “หมอกระต่าย”
กระทั่งในช่วงเวลา 13.09 น. เจ้าหน้าที่กองพิธี จากกระทรวงวัฒนธรรม นำหีบบรรจุร่างแพทย์หญิงวราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ คุณหมอกระต่าย เคลื่อนออกจากศาลา 3 มาเวียนรอบเมรุ 3 รอบ โดยผู้ที่ถือเครื่องทองน้อยคือ “หมอกวาง” น้องสาวหมอกระต่าย ตามด้วยคุณพ่อคุณแม่ของหมอกระต่าย ตลอดจนครอบครัวและญาติ ร่วมถึงเพื่อนสนิทอย่าง”หมอเจี๊ยบ” หรือแพทย์หญิงลลนา ก้องธรนินทร์ อดีตนางสาวไทย มาร่วมส่งหมอกระต่ายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน
ซึ่งก่อนพิธีพระราชทานเพลิงศพ หมอเจี๊ยบ ลลนา เป็นตัวแทนกล่าวประวัติของหมอกระต่าย ซึ่งเป็นเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้ที่มาร่วมงานว่า
“… เพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่อีกหลายๆ คนที่สนิทและไม่ได้สนิทกับกระต่าย เพื่อนบางคนเคยเจอกระต่ายแค่ครั้งเดียว
ก็ยังสัมผัสถึงเคมีหรืออะไรบางอย่างในตัวกระต่าย ที่ทำให้คนรักกระต่ายจากหัวใจวันนี้พวกเราทุกคนพร้อมใจกันมาส่งเพื่อนรักของพวกเรา
และพวกเราอยากจะบอกกระต่ายว่า ขอบคุณที่เป็นความสดใส เป็นเสียงหัวเราะ เป็นความทรงจำดีๆ ในชีวิตของพวกเรา
ขอบคุณสำหรับทุกความทรงจำที่มาทั้งร้ายและดี ทุกกิจกรรมและวีรกรรมที่เคยทำด้วยกันมาถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้เห็นด้วยตา
จะไม่ได้ยินเสียงเพราะๆ ของกระต่าย แต่กระต่ายจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป
We love you my KT ด้วยรักและอาลัยจากเพื่อนๆ ของกระต่าย … ”
ซึ่งภายในงานพระราชทานเพลิงศพในวันนี้ พบว่าพระนรวิชญ์ หรือ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ผู้ต้องหา พร้อมด้วยพระนิคม บัวดก พระพ่อ
ได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับหมอกระต่ายเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย โดยได้ขึ้นวางดอกไม้หน้าโลงศพของหมอกระต่าย ซึ่งพระทั้ง 2 รูปมีสีหน้าสลด และท่าทีสำรวม ไม่ได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของหมอกระต่ายแต่อย่างใด
ทันทีที่วางดอกไม้จันทน์เสร็จสิ้น พระ 2 รูป ได้เดินทางออกจากวัดพระศรีมหาธาตุบางเขนทันที เพื่อไปประกอบพิธีลาสิกขาที่วัดปริวาสราชสงคราม ซึ่งเป็นวัดที่ได้อุปสมบท
ด้านนายแพทย์อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล พ่อของหมอกระต่าย เปิดเผยภายหลังประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้นว่า หลังจากนี้ในส่วนอัฐิของหมอกระต่ายต้องรอหารือกับญาติก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ส่วนแนวทางหลังจากนี้คงจะรอดูเรื่องคดีความ และการผลักดันเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งหลายคนกังวลว่าจะมีการใช้เส้นสายช่วยคดีกัน
ส่วนตัวไม่ได้กังวลมากนัก เพราะยังไม่เห็นในส่วนนั้น ส่วนเรื่องการฟ้องแพ่งก็ยังไม่ได้มีแนวทางอะไรมากนัก เพราะต้องรอว่าคู่กรณีจะมีการเสนออะไรมาบ้าง
ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุย หรือเสนออะไรจากคู่กรณี เพราะยังไม่ถึงเวลา และครอบครัวก็ยังไม่พร้อมที่จะเจรจาในส่วนนี้เช่นเดียวกัน
ยอมรับว่ายังคงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จากนี้ตนน้องสาวของหมอกระต่าย จะสานต่องานที่หมอกระต่ายตั้งใจอยากจะทำคือ
การออกหน่วยรักษาดวงตาผ่าตัดดวงตาร่วมกับมูลนิธิรามาฯ ครอบครัวจะปรับตัวอยู่ต่อไปให้ได้ทำประโยชน์อุทิศเพื่อลูกสาวและสังคมต่อไป
สำหรับประวัติ หมอกระต่าย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เกิดวันที่ 24 มกราคม 2531 เป็นจักษุแพทย์เช่นเดียวกับคุณพ่อ นพ. อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล ซึ่งมีลูกสาว 2 คน เป็นจักษุแพทย์ตามรอยคุณพ่อทั้งหมด
เธอเรียนจบชั้นมัธยมต้นและปลายจากโรงเรียนสาธิตปทุมวัน จากนั้นศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รุ่นที่ 42 ก่อนกลับไปใช้ทุนที่โรงพยาบาลสระบุรี
ด้วยความมุ่งมั่นและรักในอาชีพแพทย์ หมอกระต่ายจึงไปเรียนต่อเฉพาะทางจักษุวิทยา โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ต่อยอดจักษุวิทยาภูมิคุ้มกันอักเสบ
และศึกษาต่อเฉพาะทางต่อยอดจอตาและวุ้นตา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งหมอกระต่ายเพิ่งเรียนจบมาได้เพียง 2 เดือน ถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว
เพราะคุณพ่อของหมอกระต่ายก็เพิ่งเกษียณราชการจากหมอจักษุเมื่อปีก่อน และวาดฝันอยากให้ลูกสาวสานต่อด้านการแพทย์ และเข้ารับราชการเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อปลายปี 2564 ก่อนมาจบชีวิตด้วยวัย 33 ปี ก่อนหน้าวันเกิดของเธอเพียงไม่กี่วัน
///