พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ถึงกรณีการจัดซื้อวัคซีนทางเลือกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ติดล็อกคำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่วินิจฉัยว่าระยะแรกเท่านั้นที่รัฐจะเป็นผู้ซื้อ อปท.และภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการจัดซื้อโดยตรงได้ ว่า ตามกฎหมาย อปท.ทุกรูปแบบ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พัทยา กทม.สามารถดำเนินการจัดซื้อวัคซีนทีต้องการได้ โดยสามารถดำเนินการได้เอง แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่าการดำเนินการทำไม่ได้ แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้แจ้งตรงไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ตามกฎหมาย สถ.จะต้องแจ้งไปยัง อปท.แล้วจึงจะแจ้งมหาดไทยทราบ โดยสรุปได้แจ้งไปยัง อปท.ให้ยุติการดำเนินการ จึงยังไม่มี อปท.จัดซื้อ เพราะข้อแนะนำดังกล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มาถึงการพิจารณาข้อเสนอแนะผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่าในระยะแรกเท่านั้น ที่บอกว่าไม่สามารถให้ภาคเอกชนและ อปท.ดำเนินการจัดซื้อ แต่ถ้าพ้นระยะแรกเมื่อไหร่ก็สามารถกระทำได้ตามอำนาจหน้าที่ คงไม่ต้องไปถามผู้ตรวจการแผ่นดินอีก
อย่างไรก็ตาม อปท. 7 พันกว่าแห่งส่วน อบจ. 76 แห่ง จัดซื้อวัคซีนได้ มีระเบียบกระทรวงมหาดไทยออกระเบียบไว้ เมื่อมีโรคติดต่ออันตราย ให้ อปท.สนับสนุนการระงับการแพร่ระบาดได้ โดยสนับสนุนหน่วยงานของรัฐในการควบคุมโรคติดต่อ จะต้องประสานในทางปฏิบัติและด้านนโยบาย ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจขณะนี้คือกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
“เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ถ้าจะต้องมีการหารือก็ต้องได้ข้อยุติจาก ศบค. เพราะถ้ามีการจ่ายวัคซีนของรัฐผ่าน ศบค. และ อปท.ซื้อเองอีก ใน อบจ.บางที่ก็อาจจะได้วัคซีนมากเกินไป จะเกิดความเหลื่อมล้ำกับ อบจ.เล็ก ๆ ดังนั้น ดูจากกฎหมายและสถานการณ์ อย่างไรก็ต้องให้ ศบค.พิจารณาว่าผ่านระยะแรกไปหรือยังว่าจะให้เอกชนและ อปท.มาสนับสนุนฝ่ายรัฐ และถ้าเอกชนและ อปท.จะซื้อก็ต้องให้รัฐซื้อให้ เพราะเป็นวัคซีนฉุกเฉิน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว