น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 โดยเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2565 จำนวน 1,200 บาท ต่อคน ให้กับประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ที่เข้าร่วมโครงการ 29 ล้านคน คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 7 – 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งภาพรวมการใช้จ่ายในวันแรกเป็นไปด้วยความคึกคัก วันแรกมีผู้กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการ 16.93 ล้านคน ใช้สิทธิสแกนจ่าย 2.4 ล้านราย ยอดประชาชนใช้จ่าย 253.43 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 247.81 ล้านบาท รวมมียอดการใช้จ่ายรวมในวันแรก 501.24 ล้านบาท แต่จากการมอนิเตอร์โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก พบว่ามีบุคคลจำนวนมากได้มีการประกาศรับแลกสิทธิโครงการคนละครึ่ง
เช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ทวีตข้อความว่า “รับแลกคนละครึ่งนะคะ สแกนเสร็จโอนทันที สนใจแอดไลน์ค่ะ เจ้าเก่าเจ้าเดิม” เป็นต้น
ซึ่งจากข้อความดังกล่าวสะท้อนว่าทำมาหลายครั้ง ผิดวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยเฉพาะการแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด และถือเป็นการกระทำที่ทุจริตผิดกฎหมาย เข้าข่ายความผิดฐาน “ฉ้อโกง” เพราะมีเจตนาหลอกลวงผู้อื่น ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง โดยทุจริต ทำให้ได้ประโยชน์ทางทรัพย์สินไปจากผู้ถูกหลอกคือรัฐ มีโทษจำคุกถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขอให้ร้านค้า-ประชาชน ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการ เพราะหากพบว่าทุจริตจะถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา ชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางราชการ ถูกเพิกถอนสิทธิทั้งร้านค้า-ประชาชนออกจากโครงการ ส่วนร้านค้าจะถูกระงับใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ แอพลิเคชั่นถุงเงินของร้านค้า และประชาชน-ร้านค้าจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐในอนาคตที่มีทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องได้
“ระบบมีการตรวจสอบได้ ขอให้ประชาชน-ร้านค้า ใช้จ่ายตามโครงการเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ทั้งนี้ด้วยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการบรรเทาความเดือดร้อน ดูแลลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมๆกับกระตุ้นกำลังซื้อเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้ร้านค้าต่างๆ ได้มีรายได้เพิ่มขึ้น จูงใจให้เพิ่มยอดขาย จากการขายสินค้า ดังนั้นพี่น้องประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือของคนเหล่านี้ที่ฉวยโอกาสทุจริตที่เป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเบาะแสได้ทั้ง 1.ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ถึง“สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400” 2.ส่งอีเมลที่ [email protected] 3.การค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สายด่วน 1569 4. กระทรวงการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3697 3527 3548 35095. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1144 (24 ชั่วโมง)