เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 2 ก.พ. 2565 นางดลฤดี สุพรหมอินทร์ อายุ 57 ปี พร้อมด้วยนางสาวอรวรรณ ประทุม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 342/178 หมู่ 7 ต.เมือง อ.เมืองเลย จ.เลย เข้าร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.หญิง วรินทร์ญา กุลนนท์เลิศสิน พงส.สภ.เมืองเลย ว่า ตนเองถูกผู้อื่นนำบัญชีธนาคารไปใช้ โดยไม่รู้เรื่อง มีเงินหมุนเวียน 30-40 ล้าน จนถูกออกหมายจับ 2 ครั้ง
นางดลฤดี สุพรหมอินทร์ เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2559 มีนายหน้าติดต่อให้ไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยขอเอกสารพร้อมพาสสปอร์ตไปด้วย แต่สุดท้ายไม่ได้ไป จนมาปลายปี 2563 ถูกออกหมายเรียกจาก สภ.กุฎินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาบิ๊กซีเลย มีเงินหมุนเวียน 30-40 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงหาคนไปทำงานต่างประเทศ และโดนแจ้งข้อกล่าว ร่วมกันฉ้อโกง ต้องใช้เงินประกัน 3,000,000 บาท บาท แต่ตนไม่มี ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำชั่วคราวกาฬสินธุ์เป็นระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นลูกสาวของตนไปหาหลักฐานมา ว่าอ้างว่าแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงมีการปล่อยตัวชั่วคราว
จนมาวันที่ 25 ธ.ค.2564 มี จนท.ตร.คปม. พร้อมด้วย สภ.เมืองเลย มาจับกุมตัวที่บ้าน ข้อกล่าว ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถจัดส่งไปฝึกงานในต่างประเทศ และโดยการหลอกลวงได้ไปทรัพย์สินหรือประโยชน์จากผู้ถูกหลอกลวง นำตัวไปส่ง ที่ สภ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ลูกสาวต้องนำเงิน 65,000 บาท ประกันตัวแม่ออกมาเพื่อต่อสู้คดี
มาวันนี้ 2 ก.พ.2565 ที่ สภ.เมืองเลย จึงได้มาเพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือร่วมหาคนงานไปทำงานต่างประเทศ ส่วนที่โดนออกหมายจับนั้น จะขอต่อสู้ และร้องขอความเป็นธรรม เพราะตอนนี้ครอบครัวตนเองเดือดร้อนมาก.
ภาพ/ข่าว บุญชู ศรีไตรภพ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.เลย