วันที่ 2 ก.พ. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลาออกจาก ส.ส. ว่า ในเมื่อลงชิงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ก็ควรที่จะลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะได้ไปทำงานในฐานะว่าที่ผู้สมัครอย่างเต็มที่ ไม่ควรจะมีสถานะด้านหนึ่งรับเงินเดือนของสภา แต่ก็ใช้เวลาจำนวนมากไปกับการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
เมื่อถามว่าหลังจากที่เห็นไทม์ไลน์ของกระทรวงมหาดไทยแล้ว มีการเตรียมตัวอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ถ้าเป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพูด เท่ากับว่าเราจะมีเวลาประมาณ 3 เดือนในการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ซึ่งล่าสุดมีการปรับแผน แคมเปญ 3 เดือน แบ่งเป็น 3 เฟส ดังนั้น 1 เดือนหลังจากนี้นายวิโรจน์ และทีมผู้ว่าฯกทม.ทั้งหมด จะทยอยเปิดนโยบายผู้ว่าฯ กทม.ทีละเรื่องจนครบทุกด้าน
เมื่อถามว่าสำหรับคะแนนการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลได้เป็นอันดับสองจะส่งผลถึงภาพรวมการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า สำหรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องกทม.ที่ออกมาแสดงออกให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลยังมีแรงสนับสนุนมากพอสมควร ขณะเดียวกันก็จะเห็นว่าพรรคก้าวไกลมีคะแนนโหวตจากพี่น้องประชาชนแทบจะทุกหน่วย ถึงแม้ว่าจะได้เป็นที่สองแต่ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจและเป็นพื้นฐานที่ดี ที่จะส่งผลให้ชนะผู้ว่ากทมและ ส.ก.ได้
เมื่อถามว่าเมื่อดูคู่แข่งในสนามพรรคก้าวไกลได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่จะนำไปสู่ชัยชนะ หรือสิ่งที่จะชนะใจพี่น้องประชาชนได้ คือ 2 เรื่อง 1 คือ ตัวผู้สมัครเองที่มีวิธีคิดวิธีการทำงานที่ตรงใจคนกทม.มากที่สุด ซึ่งตนเชื่อว่านายวิโรจน์ และทีมงานที่จะทยอยเปิดตัวไปเรื่อย ๆ จะสามารถได้รับความไว้วางใจได้ และ 2 คือ นโยบายที่จะนำเสนอให้พี่น้องประชาชนเลือก ซึ่งทางพรรคก้าวไกลได้เตรียมไว้หมดแล้ว
เมื่อถามว่ากระแสในกรุงเทพฯ ค่อนข้างที่จะแรง ทางพรรคก้าวไกลสามารถที่จะดึงกระแสตีตื้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามอิสระ ได้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เหลืออยู่นี้คงเป็นช่วงเวลาที่จะต้องทำงานหนัก ซึ่งหากพี่น้องประชาชนได้สัมผัส การทำงาน นายวิโรจน์ และคณะ คิดว่ากระแสความนิยมคงเพิ่มขึ้น รวมทั้งในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ประชาชนทุกคนมีความคิดความชอบหลายแบบ ทำให้เชื่อว่านายวิโรจน์ เป็นแคนดิเดตที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้มากที่สุด เพียงแต่จะต้องขอเวลาและโอกาสในการทำงานก่อน 3 เดือน
