ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาหารือในคดีที่ศาลอุทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส 2 ผู้คัดค้านในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ปช. 1/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ ปช. 1/2561 ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 27 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 81 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า ในคดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ให้ผู้ถูกกล่าวหามีภาระการพิสูจน์ที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่า ทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 25, 26, 27 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม
คดีดังกล่าว นายธาริต ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ เนื่องจากมีพฤติกรรมให้ผู้อื่นถือทรัพย์สินแทนกว่า 346 ล้านบาท และ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 81 กำหนดให้อัยการสูงสุด หรือประธานป.ป.ช. ดำเนินการยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 80 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการป.ป.ช. และภาระการพิสูจน์ทรัพย์สินให้เป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องแสดงให้ศาลเห็นว่าทรัพย์สินดังกล่าวมิได้เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติ หลังศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของนายธาริต และ นางวรรษมล จำนวน 49 รายการ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท