นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า “โรงเรียนทางเลือกหรือสถาบันล้างสมองเยาวชน” ถ่ายทอดวิชาการหรือฝึกฝนนักปฏิวัติ เหล้าเก่าในขวดใหม่ วิธีการเก่าๆ ที่ถูกนำมาใช้ใหม่ในปัจจุบัน ที่คุณคนไทย…อาจไม่ทันรู้ตัว
นายอัษฎางค์ กล่าวว่า จีนประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐและจีนแบบคอมมิวนิสต์เมื่อสมัยก่อน ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งแนบเนียนและนุ่มนวลกว่าการใช้กำลังโดยตรง โดยค่อย ๆ ปลูกฝังความรู้สึกนึกคิดเรื่องการปฏิวัติให้กับเด็กๆ อย่างช้าๆ และแนบเนียน หนึ่งในยุทธวิธี คือการบิดเบือนประวัติศาสตร์ บิดเบือนข้อเท็จจริงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อจุดมุ่งหมายในการปลูกฝังให้มีทัศนคติในเรื่องต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นสถาบันหลักของการปกครองของชาติอย่างช้า ๆ ซึ่งจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อเปลี่ยนประเทศให้เป็นคอมมิวนิสต์หรือสาธารณรัฐในที่สุด เป็นการปลูกฝังลัทธิทางการเมืองแบบค่อยเป็นค่อยไปแบบไม่รู้ตัว นานไปข้างหน้าเมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นจะเป็นภัยต่อต่อความมั่นคง พ่อแม่ผู้ปกครองผู้ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ลูกหลานได้รับการศึกษาเล่าเรียนแบบทางเลือก แต่โรงเรียนแบบนี้กลับมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไป โดยแอบสอดแทรกเพื่อเผยแพร่ความคิดและทัศนคติที่มีผลต่อความมั่นคงทางการเมือง
นายอัษฎางค์ กล่าวว่า ต่อไปนี้คือตัวอย่างภัยคุกคามความมั่นคงจากจีนแดงในอดีต ซึ่งจีนปัจจุบันเป็นคอมมิวนิสต์ที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ที่นอกจากไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงแล้วยังเป็นมหามิตรที่มีความจริงใจกับไทย ผิดกับมหาอำนาจตะวันตกที่เล่นบทที่ซ้อนเร้นภัยคุกคามกับไทยในปัจจุบัน ชาวจีนในเมืองไทยในอดีตมักขอจัดตั้งโรงเรียนจีน ด้วยข้ออ้างว่ามีจุดมุ่งหมายให้ลูกหลานชาวจีนได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาการต่าง ๆ เป็นภาษาจีน แต่ความจริงใจโรงเรียนจีนหลายแห่งกลับมีจุดมุ่งหมายที่มุ่งเผยแพร่เผยแพร่ลัทธิไตรราษฎร์ ของ ดร. ซุนยัดเซ็น (การปกครองแบบสาธารณรัฐ) หรือไม่ก็เผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ตัวอย่างเช่น โรงเรียนอนุบาลซันเหมิน ธนบุรี ให้นักเรียนหยุดการเรียนในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเป็นวันชาติของสาธารณรัฐจีน และทำการตกแต่งธงชาติจีนที่หน้าโรงเรียน และมีธงที่มีอักษรจีนซึ่งแปลความได้ว่า “การปฏิวัติในจีนยีงไม่สำเร็จ ต้องร่วมมือกันให้บรรลุผลขั้นสุดท้ายให้จงได้”