เจ้าของ “โกดังชาบู” เปิดใจ ไม่เคยพูด “ร้านนี้ไม่รับสลิ่ม”

เจ้าของ "โกดังชาบู" เปิดใจ ไม่เคยพูด "ร้านนี้ไม่รับสลิ่ม"

เจ้าของร้านโกดังชาบูเปิดใจ หลังถูกตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ยืนยันไม่เคยโพสต์หรือแสดงความเห็น “ร้านตนเองไม่ต้อนรับสลิ่ม” เผยทุกวันนี้เดือดร้อนมากพอแล้ว พร้อมตั้งคำถาม ในฐานะคนทำมาหากินจะแสดงความเห็นหรือระบายความอึดอัดไม่ได้หรืออย่างไรทำไมต้องถูกโยงไปเป็นประเด็นทางการเมือง

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านโกดังชาบูตั้งอยู่ย่านถนนวุฒากาศ เขตธนบุรี เมื่อไปถึงเห็นว่าร้านยังคงปิดให้บริการอยู่ ด้านในร้านมีพนักงานทำข้าวกล่องเพื่อไปแจกให้กับผู้ที่ยากไร้

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายตึ๋ง เจ้าของร้านชาบูโกดัง ก็ได้เปิดใจถึงที่มาที่ไปหลังโพสต์ของทางร้านที่ตนเองเป็นผู้โพสต์จนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง นายตึ๋งเล่าว่า จุดเริ่มต้นมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิต 19 แต่ปีที่แล้ว เมื่อรัฐบาลมีคำสั่งล็อกดาวน์และปิดร้านอาหารทั้งหมด ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารและได้รับผลกระทบโดยตรงจึงระบายความอัดอั้นโพสต์ลงไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งก็โพสต์ไปในฐานะคนทำมาค้าขายไม่ได้ต้องการให้เป็นประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด

ข่าวที่น่าสนใจ

กระทั่งต่อมา เห็นโพสต์ของตนเองไปอยู่ในสื่อออนไลน์ต่างๆว่า ร้านของตนเองแบ่งฝักแบ่งฝ่ายไม่ต้อนรับสลิ่ม ขอยืนยันตรงนี้เลยว่า ไม่มีประโยคไหนหรือคำพูดใดที่ตนเองโพสว่า ไม่ต้อนรับสลิ่ม หรือโพสต์ในลักษณะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพราะ ถ้าทำแบบนั้นก็ถือว่าคงโง่เต็มที

ส่วนประเด็นที่ตนเองโพสต์ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโรค covid-19 แล้วมีคนเอาโพสดังกล่าวไปขยายต่อจนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง เจ้าของร้านโกดังชาบู บอกว่า สิ่งที่ตนเองโพสต์ไปเป็นความอึดอัดและอยากจะระบายให้ลูกค้าร้านชาบูได้รับทราบ พอโพสต์ไปแล้วก็ไม่ได้ตามต่อว่าใครจะเอาไปขยายต่อและไม่คิดว่าจะมีผลกระทบมากมายขนาดนี้ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนเองโพส เป็นแค่ความคิดเห็นของคนทำมาหากินคนหนึ่ง ทุกวันนี้แทบไม่สนใจว่ามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายหรือใครทะเลาะกับใคร ตนเองสนใจเพียงแค่ร้านจะอยู่รอดต่อไปได้หรือไม่ ครอบครัวและลูกน้องหลายสิบชีวิต จะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงชีพ ขอวอนผู้ที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทั้งหลาย ขอให้นึกถึงประเทศชาติเป็นหลัก เพราะทุกวันนี้แค่ใส่เสื้อสีไหนก็แทบจะออกจากบ้านไม่ได้อยู่แล้ว

ส่วนที่เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.นายจุติ ไกรฤกษ์ และเจ้าหน้าที่กระทรวงลงพื้นที่มาที่ร้าน เพื่อต้องการแสดงความช่วยเหลือ นายตึ๋งบอกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้คิดอะไรมากว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลจริงๆ ซึ่งถ้าจะลงมาช่วยขอให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากกว่านี้จะดีกว่า

สุดท้าย เจ้าของร้านชาบูยังฝากไปถึงสื่อมวลชนหรือสำนักข่าวอื่นๆ ที่นำโพสต์ของตนไปเล่าข่าวหรือขยายความ หากสงสัย ขอให้สอบถามมาที่ตนเองโดยตรงเลยจะดีกว่าเพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือโจมตีของใคร สำหรับร้าน คงต้องปิดไปซักระยะ รอให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็อาจจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น