เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า จากกรณีนายธีรัชชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีการตรวจสอบนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเนื้อหาบางส่วนพาดพิง คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยระบุว่ามีการรับงานโครงการจากกระทรวงศึกษาธิการของคุณหญิงกัลยา มูลค่า 50 ล้านบาท ในช่วงปี 2563ว่า
โฆษกประจำตัวรมช.ศธ. ออกโรงติง “ธีรัชชัย” ชี้พาดพิง “คุณหญิงกัลยา” ปราศจากข้อมูลข้อเท็จจริง หลังกมธ.ป.ป.ช.ออกมาให้ข่าวเรื่องการตรวจสอบ “ดร.เอ้” ยัน “คุณหญิงกัลยา” เป็นนักการเมืองซื่อสัตย์ โปร่งใส พร้อมตั้งคำถามส.ส.ก้าวไกล มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ
ข้อมูลดังกล่าวคลาดเคลื่อนและไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง ทำให้คุณหญิงกัลยาได้รับความเสียหาย เพราะอาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดได้ ที่ผ่านมาคุณหญิงกัลยา ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใสและพร้อมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน และตลอดชีวิตการทำงานได้อุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม นอกจากจะมีภาพลักษณ์เป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์เป็นแบบอย่างแล้ว ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้ใช้งบประมาณส่วนตัวในการสนับสนุนกิจการงานด้านการศึกษาอีกด้วย และโดยส่วนตัวคุณหญิงกัลยามีความเชื่อมั่นในตัวนายสุชัชวีร์ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ รวมถึงมีความตั้งใจดีในการทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยเช่นกัน
นางดรุณวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จึงอยากตั้งคำถามถึงนายธีรัชชัย ว่าเหตุใดจึงได้กล่าวอ้างโดยที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงในขณะที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ และการออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเช่นนี้ ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการกล่าวพาดพิงลอยๆ ชี้นำทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด และเป็นการดิสเครดิตรัฐมนตรีของพรรค ส่วนตัวคิดว่าผู้ที่เป็นส.ส. ควรต้องมีความรับผิดชอบและมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ในการสื่อสารกับสาธารณะ และอยากให้สังคมเป็นผู้ตัดสินว่านายธีรัชชัย มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ว่าขณะนี้นายสุชัชวีร์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากการลงพื้นที่พบประชาชนอย่างต่อเนื่อง จึงอาจมีขบวนการบางอย่างที่ต้องการดิสเครดิตทำให้เสียชื่อเสียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-