เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่รัฐสภา ในที่ประชุมวุฒิสภา นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ ได้ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เยือนประเทศซาอุฯ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะ อูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งตั้งถามโดยนายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า การเข้าพบดังกล่าวไม่ใช่เรื่องกะทันหัน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปัจจัยที่ ซาอุดีอาระเบีย ปรับท่าทีและให้ความสำคัญกับประเทศไทย ซึ่งข้อเท็จจริงมีหลายองค์ประกอบ โดยเริ่มต้น จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จัดการประชุมภาคธุรกิจในกรอบความร่วมมือเอเชียครั้งแรก หรือ ACD Connect 2016 และใช้เวลาบริหารจัดการให้ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง ถึง 6 ปี จนนำไปสู่การเยือนอย่างเป็นทางการในปี 2565
“เพราะเขามา ไม่ใช่ว่าวางแผนจะมาปี 2559 ไม่มีท่าทีจะส่งใครมา แต่การประชุมใน ACD นั้น สมประโยชน์ระดับหนึ่งกับซาอุฯ และรมว.การต่างประเทศซาอุฯ เดินทางมาเยือน และสร้างความสัมพันธ์ ทั้งนี้มิตรประเทศคือบาห์เรน ร่วมผลักดันในระดับสูง ต่อๆ ไปมีความหมาย การช่วยเพราะมิตรไมตรีที่ได้รับจากไทยในอดีตทำให้ทุกอย่างลงตัว คำเชิญให้นายกฯ ไปซาอุฯ ไม่ได้เกิดในปี 2565 แต่เริ่มปี 2560 โดยได้รับเชิญด้วยวาจา แต่มีปัญหาภายในประเทศการพบปะจึงถูกเลื่อน” นายดอน กล่าว