สำรวจอาณาจักร “ทิดสมปอง” พบว่า 1 ใน 2 แปลง เป็นสวนน้ำผุดธรรมชาติ!

โดยเฉพาะข้อมูลของนายศรีสุวรรณ จรรยา เขียนว่า “สวนน้ำนนท์จำปา อยู่บ้านโนนจำปาเขตตำบลห้วยยาง หมู่ 3 เจ้าของเดิมชื่อแม่เดือน มีน้ำผุดไหลผ่าน ชาวบ้านเคยเข้าไปใช้พักผ่อนหย่อนใจ แต่ปัจจุบันมีป้ายมาปิดประกาศเป็นที่ดินส่วนบุคคลห้ามเข้า”

จากนั้นทีมข่าวได้โทรไปสอบถามกับ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ชี้แจงว่า ตอนนี้สปก.กำลังตรวจสอบที่ดินตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนออยู่ ซึ่งจากการตรวจสอบและได้ออกเอกสารชี้แจงกับสื่อมวลชนไปแล้วเมื่อวานนี้ ว่า มีพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของ สปก.เพียง 1 แปลง แต่ถ้าหากว่าตรวจสอบแล้วมีการเปลี่ยนมือผู้ถือครองก็จะเรียกผู้ถือครองมาชี้แจงว่ามีการเปลี่ยนมือหรือซื้อขายไปได้อย่างไร เพลงถ้าหากพบว่ากระทำผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินคดี และยึดที่สปก.มาจัดสรรใหม่ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ที่ดินสวนน้ำโนนจำปาลักษณะเป็นพื้นที่มีน้ำผุดตามธรรมชาติ สามารถออกสปก.ได้หรือไม่ เลขาสปก.ก็ยืนยันว่าพื้นที่สวนน้ำโนนจำปา เป็นพื้นที่เดียวที่อยู่ในการควบคุมของสปก. ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ายังเป็นชื่อผู้ถือครองรายเดิมจำนวน 6 ไร่ และผู้ถือครองรายนี้ก็ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมตามเดิม อย่างไรก็ตามพื้นที่ใกล้เคียงก็ต้องไปตรวจสอบอีกทีว่าเป็นมีการร้องเรียนซื้อขายเปลี่ยนมือหรือไม่ ส่วนเจ้าของไลน์เดิมจะแอบไปขายสิทธิ์ให้กับบุคคลอื่นจากนี้ก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง

เลขาสปก.กล่าวต่อไปว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้งหมด ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้มาจัดสรรเมื่อปี2531จากนั้นก็ได้ร่วมมือกับกรมป่าไม้ ทำการกำหนดแนวเขตสปก.เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าไม้ จากนั้นก็ออกแจกจ่ายให้กับประชาชนเพื่อทำเกษตรกรรม เมื่อปี2538

นายวิณะโรจน์ ยืนยันว่า ที่ดินที่มีการร้องเรียนอยู่ในการดูแลของ สปก .เพียง 1 แปลง คือ ที่ดินที่สวนน้ำโนนจำปา ส่วนที่ดิน แปลง อื่นๆ อยู่นอกเหนืออำนาจของสปก.ซึ่งก็จะต้องไปว่ากันตามหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่นกรมป่าไม้ หรือ กรมที่ดิน ซึ่งก็จะมีกฎหมายและบทลงโทษ แตกต่างกันไป

ก่อนหน้านี้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวในสังคมออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวกับกรณีอดีตพระมหาสมปองตาลปุตโต หรือ นายสมปอง นครไธสง กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.ในท้องที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ กว่า 300 ไร่ เพื่อปลูกยางพารา หรือให้ญาติถือครองที่ดินแทน นั้น ขอเรียนชี้แจงว่า พื้นที่ที่เป็นข่าวเดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 538 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 90 ตอนที่ 81 วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 โดย ส.ป.ก. ได้รับที่ดินมาและมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง กิ่งอำเภอภักดีชุมพล อำเภอหนองบัวแดง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2531 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 105 ตอนที่ 241 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2531 ซึ่งเป็นการประกาศให้อำเภอคอนสารเป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอ

จากนั้นสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยภูมิ (ส.ป.ก.ชัยภูมิ) จึงได้เข้าดำเนินการสำรวจรังวัดที่ดินเมื่อปี 2532 และ 2537 เพื่อให้ได้ขอบเขตเนื้อที่ของแปลงที่ดินแต่ละแปลงและรายชื่อผู้ครอบครองที่ดิน ต่อมาในปี 2539 ส.ป.ก.และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) จังหวัดชัยภูมิ ในส่วนที่ยังเป็นป่าออกจากเขตปฏิรูปที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเพื่อกันคืนพื้นที่ป่าออกจากเขตปฏิรูปที่ดิน (RF) พ.ศ. 2538 ออกมาได้เป็น 2 แปลง คือ RF แปลงที่ 15 เนื้อที่ประมาณ 10,977 ไร่ และ RF แปลงที่ 20 เนื้อที่ประมาณ 4,223 ไร่