วันที่ 2 มิ.ย.-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2564 โดยที่ประชุมได้รับทราบตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 ห้วง 20 มี.ค.-18 พ.ค.64 ภาพรวมสถานการณ์ ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุความรุนแรงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีความเข้าใจถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานของภาครัฐ และให้ความร่วมมือด้วยดีที่ผ่านมา
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ ตามที่กอ.รมน.ภาค 4 เสนอให้ปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินแล้ว ได้แก่พื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลาเป็นไปตามแผนงานปรับลดพื้นที่ฯสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเห็นชอบให้เพิ่มเติมตัวชี้วัด ความพึงพอใจของประชาชน ต่อเศรษฐกิจ สังคม ควบคู่ สถิติทางคดี
พร้อมทั้งเห็นชอบให้ขยายเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน, อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อ.เบตง, อ.กาบัง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก, อ.สุคิริน, อ.ศรีสาครจ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิ.ย-19 ก.ย.64 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
โดยพล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้เข้มงวดการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกนายที่ เสียสละ ทุ่มเทการทำงาน ที่ผ่านมา จนสามารถปรับลดพื้นที่ประกาศฉุกเฉินบางส่วน อย่างได้ผล ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล และขอเป็นกำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ ประสบความสำเร็จ มีความปลอดภัยจากภารกิจ และโควิดกันทุกคน