“สธ.” แจงปมจ่อปลดโควิด ออกจากโรคฉุกเฉิน ยันยังรักษาฟรี

สธ.แจงปมเตรียมปลดโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤต เพื่อเปิดช่องให้ผู้ป่วยโรคอื่นเข้ารักษาสิทธิฉุกเฉิน ยกเว้นมีอาการเข้าเกณฑ์ฉุกเฉิน ยันยังรักษาฟรีตามสิทธิ

วันนี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงชี้แจงแนวทางการรักษาโรคโควิด-19 ตามสิทธิการรักษาของประชาชน เพื่อเตรียมความพร้อม ทำความเข้าใจ ก่อนจะมีการประกาศปลดโควิด-19 ออกจากโรคฉุกเฉินวิกฤต หรือ ยูเซ็ป ว่า ขณะนี้เรามีความรู้ความเข้าใจโรคโควิด-19 มีระบบรักษาที่บ้านและในชุมชน สำหรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีหรือมีอาการน้อย โดยสามารถใช้ระบบปกติตามสิทธิรักษาของแต่ละคน เพื่อให้เราสำรองเตียงในระบบยูเซ็ปไว้ให้ผู้ป่วยที่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องเอาคนไข้ทุกคนมาอยู่ในโรงพยาบาล เพราะจะไม่มีเตียงสำหรับผู้ป่วย เช่น เบาหวาน ความดัน โรคที่มีภาวะแทรกซ้อน เพราะผู้ป่วยโควิด-19 เพียง 1 ราย เข้าไปอยู่ เราต้องปิดทั้งแผนก ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโรคอื่นได้ อีกทั้งเรามีข้อมูลว่า ผู้ติดเชื้อสามารถอยู่บ้านได้ โดยแทบจะไม่มีติดต่อให้ผู้อื่นเลย ส่วนใหญ่จะติดกันก่อนที่จะรู้ตัวว่าติดเชื้อ แต่หากมีอาการเข้าข่ายฉุกเฉินตามระบบ UCEP คือ 1.หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ 2.หายใจเร็ว หอบ เหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง 3.ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น 4. เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง 5.แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด 6.มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบอาการที่เข้าข่าย ก็สามารถใช้สิทธิได้ โดยในส่วนของ สปสช.จะมีการหารือเรื่องสิทธิการรักษานี้ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้าน นายแพทย์ธเรศ กษันัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา พบว่าเมื่อติดโควิด-19 แล้ว ประชาชนนิยมเข้ารักษาในโรงพยาบาลบางแห่งมาก ทำให้ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคอื่นได้ ต้องชะลอการผ่าตัดไป ประกอบกับขณะนี้ประชาชนเข้าใจการดูแลตัวเองแล้ว ดังนั้นในการประชุมอนุกรรมการการรักษาพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2565 เห็นตรงกันว่า ควรปรับโควิด-19 ให้รักษาตามสิทธิ เช่น บัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการรักษาพยาบาลราชการ และยังได้รับการรักษาฟรี พร้อมกับคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้พิจารณากรอบเวลาที่เหมาะสม โดยได้ประชุมเตรียมความพร้อมของกองทุนสุขภาพ 4 แห่ง เพื่อปรึกษาแนวทางรักษา ดังนี้ 1.กรมบัญชีกลาง เข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง เบิกสวัสดิการราชการ 2.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. บัตรทองมีสิทธิรักษาโรงพยาบาลเครือข่ายทุกที่ 3.ประกันสังคม รอการเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการแพทย์ วันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการรักษาโรงพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคมได้ และ 4.กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ ต่างด้าวก็รักษาตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ ส่วนต่างด้าวไร้สิทธิหรือมีปัญหาสถานะ ก็เตรียมโรงพยาบาลของสังกัดกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งไว้

นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างความชัดเจนกับผู้ป่วยที่ซื้อกรมธรรมน์ประกันโควิดกับ บริษัทประกันภัย ทางกรม สบส. และกรมการแพทย์ ได้มีการทำหนังสือถึง คปภ.ภายในสัปดาห์นี้ โดยยืนยันชัดเจนว่า ทั้งระบบการรักษาแบบ HI, CI และ Hospitel ถือเป็นสถานพยาบาลตามที่ทางกรม สบส.ประกาศ มีผลให้ผู้ป่วยที่มารับการรักษาในระบบนี้สามารถเบิกจ่ายได้ตามสิทธิของกรมธรรมน์ รวมถึงค่าชดเชยต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ด้วย โดยการประกาศนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดภาวะการขาดแคลนเตียงรักษา ทำให้ต้องประกาศให้สถานที่เหล่านี้ เป็นสถานพยาบาลชั่วคราว

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อยังรักษาในระบบ HI/CI ได้ตามปกติ เมื่อผู้ที่มีผลบวกแล้ว ขอให้สถานพยาบาลแจ้งผู้ติดเชื้อ ติดต่อเข้าระบบโอนถ่ายไปตามสิทธินั้นๆ ดังนั้น ทุกเครือข่ายต้องทำ HI ของตัวเอง ประชาชนติดต่อได้จากสายด่วน คือ 1.บัตรทอง สายด่วน 1330 2.ประกันสังคม สายด่วน 1506 3.การเบิกจ่ายตรง โทร.02-270-6400 4.ผู้เป็นต่างด้าว โทร.ต่างด้าว 02-590-1578 และ 5.กรณีฉุกเฉิน สายด่วน 1669 ทั้งนี้ ระหว่างนี้ขอให้ทุกคนตรวจสอบว่าอยู่สิทธิใด โดยทั้ง 4 กองทุน จะเตรียมการรองรับกรณีผู้ติดเชื้อติดต่อไปไม่ตรงกับสิทธิของตัวเอง ก็ขอให้โรงพยาบาลทั้งเอกชน และโรงพยาบาลที่ไม่ใช่คู่สัญญาตามสิทธิ อธิบายให้คนไข้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลเครือข่ายตามสิทธิ หรือที่สายด่วน 1330

ส่วนการปรับระบบการรักษาตามสิทธิจะกระทบกับการดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นหลักหมื่นขณะนี้หรือไม่ นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า การักษาตามสิทธิจะเป็นผลดีด้วยซ้ำ เพราะเป็นการกระจายผู้ป่วยเข้าสถานพยาบาล ไม่กระจุกตัว ทุกวันนี้ผู้ป่วยร้อยละ 60 ไม่มีอาการเลย อีก ร้อยละ 20 มีอาการน้อย ไข้ ไอ เจ็บคอ ซึ่งไม่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล อย่าให้ตัวเลขมาหลอกเรา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น