"สรรพสามิต" ยันยังไม่ปรับขึ้นภาษี-เก็บภาษีรูปแบบใหม่ปีนี้

วันนี้(17 ก.พ.65) นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยภายในงานสถาปนากรมสรรพสามิต ครบรอบปีที่ 90 ว่า กรมสรรพสามิต ได้มีเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 5.97 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้มีการรวมรายได้จากการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ซึ่งไม่สามารถทำได้ตามกำหนด จำนวน 3 หมื่นล้านบาท จึงได้หารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อขอลดเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ลงเหลือ 5.6 แสนล้านบาท โดยยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ในปี 2565

ขณะเดียวกัน การที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือจนถึงวันที่ 20 พ.ค. 2565 เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับยอดการจัดเก็บรายได้ทั้งปี ที่วางไว้ 5.6 แสนล้านบาท

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ ประเมินว่า การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะเพียงพอสำหรับให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการแก้ปัญหาในเรื่องงบการกู้เงินในเพดาน ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท และนำมาใช้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลในระยะต่อไป เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกลไกหลักในการดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศ คาดว่าจะเริ่มกู้เงินได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ แต่หากไม่เพียงพอต้องประเมินอีกครั้งว่าจะพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลต่อไปหรือไม่

อย่างไรก็ตามมองว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แม้จะสูญเสียรายได้ แต่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดภาระให้กับประชาชนได้มากกว่าภาษีที่ขาดหายไป

สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64 – ม.ค.65) กรมสรรพสามิต สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวนทั้งสิ้น 186,553 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่ได้ขอปรับลดจากกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ รายได้ภาษีสรรพสามิตทุกประเภท โดยเฉพาะภาษีน้ำมัน รถยนต์ และเบียร์ มีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง กรมสรรพสามิตได้ชะลอการปรับปรุงโครงสร้างภาษีใหม่ แต่มุ่งเน้นออกมาตรการภาษีเพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ประกอบอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ได้แก่
1. มาตรการขยายระยะเวลาสำหรับสินค้าสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพเพื่อเพิ่มปริมาณเจลแอลกอฮอล์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือในราคาที่เหมาะสมและมีปริมาณเพียงพอ
2. มาตรการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น เพื่อช่วยเหลือสายการบินภายในประเทศให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ลดการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมการบินและสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ
3. มาตรการขยายระยะเวลาการขึ้นอัตราภาษีเครื่องดื่มตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 เพื่อเป็นการเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและชะลอการปรับราคาสินค้าต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อย
4. มาตรการอนุมัติฉลากสินค้าสุราผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสงค์จะนำสุราเข้ามาในราชอาณาจักรในการยื่นคำขอใช้ฉลากปิดภาชนะบรรจุสุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและเพื่อให้การอนุมัติฉลากเป็นไปด้วยความรวดเร็วสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
5. มาตรการภาษีสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ประเภทน้ำมันชีวภาพสังเคราะห์ (Renewable Diesel : RD) เพื่อช่วยเหลือรายได้เกษตรกร นำผลผลิตทางการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น
6. มาตรการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบและเกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบโดยให้มีระยะเวลาในการปรับตัวเพื่อรองรับกับโครงสร้างภาษีบุหรี่ซิกาแรตตามมูลค่าแบบอัตราเดียวในอนาคต
7. มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่สำหรับผู้ประกอบการรายเดิม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง วัน 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

สรรพสามิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สรรพสามิต” ยันยังไม่ปรับขึ้นภาษี-เก็บภาษีรูปแบบใหม่ปีนี้

"สรรพสามิต" ยันยังไม่ปรับขึ้นภาษี-เก็บภาษีรูปแบบใหม่ปีนี้