โรงไฟฟ้าขยะ จ่อเอาผิด หน่วยงานในกระทรวงพลังงาน เหตุลดอัตรารับซื้อไฟฟ้าสร้างความเสียหาย

จับตาโรงไฟฟ้าขยะพลิกข้อกฎหมาย จ่อเอาผิดหน่วยงานในกระทรวงพลังงาน เหตุดองโครงการ-ลดอัตรารับซื้อไฟฟ้า โดยไม่ฟังความคิดเห็นภาคเอกชน-มหาดไทย พร้อมหยิบคดีบีทีเอสฟ้องชนะหน่วยงานรัฐเทียบเคียง

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ว่าล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โยนเรื่องให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ศึกษาและกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง และนำเรื่องเข้าคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)อนุมัติ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกนับเดือนโดยอย่างช้าไม่เกินไตรมาส2 ของปี 2565

ในด้านของเอกชนมีความเห็นว่า โครงการกำจัดขยะมูลฝอยเพื่อแปลงเป็นพลังงานจำนวนทั้งสิ้น 23โครงการนั้น ล้วนดำเนินการผ่านคณะกรรมการกลางจัดการสิ่งปฎิกูลและมูลฝอยซึ่งมีผู้แทนระดับผู้บริหารจากกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม รวมทั้งผู้แทนจากกระทรวงพลังงานและได้ผ่านการประมูลคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการภายใต้พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองแล้วโดยได้ใช้ข้อมูลรายละเอียดและหลักเกณท์ที่เกี่ยวกับอัตรารับซื้อตามมติ กพช.เมื่อปี2560ในการยื่นข้อเสนอโครงการทั้งสิ้น ดังนั้นโดยหลักเกณท์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีจึงย่อมถือได้ว่าหลักเกณท์ที่บังคับใช้ในขณะการประมูลโครงการย่อมเป็นข้อผูกพันของรัฐ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆจึงต้องรับฟังความคิดเห็นและได้รับความยินยอมจากทั้งจากกระทรวงมหาดไทยและเอกชนผู้ชนะการประมูลอันเป็นผู้มีส่วนได้เสียก่อน และเป็นไปตามหลักการในกระบวนการยุติธรรมดังแนวคำพิพากษาของศาลปกครองกลางคดีรถไฟฟ้าบีทีเอส

การเปลี่ยนแปลงนโยบายรับซื้อไฟฟ้าหากทำให้อัตรารับซื้อโครงการไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยลดต่ำกว่าอัตราที่ประกาศกำหนดตามมติกพช.ปี2560ย่อมทำให้รายได้อันพึงได้ของเอกชนลดต่ำลงจนส่งผลกระทบถึงการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้การดำเนินการล่าช้าเนื่องจากการกลับไปกลับมาของนโยบายของกระทรวงพลังงานยังสร้างภาระต่อต้นทุนในการดำเนินโครงการโรงฟ้าสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงกระทบต่อแผนงานการจัดการขยะมูลฝอยและการบริหารจัดการงบประมาณเกี่ยวกับขยะในองค์รวมของประเทศให้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างขึ้นและส่งผลต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ

ดังนั้นภาคเอกชนจึงเตรียมศึกษาข้อกฎหมายว่าการปฎิบัติราชการโดยล่าช้า รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงหลักเกณท์กติกาเกี่ยวกับอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ได้มีประกาศเป็นการทั่วไปจนมีเอกชนได้รับการคัดเลือกและมีการลงนามในสัญญากับกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยไม่รับฟังความเห็นของภาคเอกชน และกระทรวงมหาดไทย จนสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางจะเข้าข่ายเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำละเมิดต่อเอกชนหรือไม่

 

โดยนำคำพิพากษาของศาลปกครองกลางกรณีบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส มาเปรียบเทียบ เพราะมีความคล้ายคลึงกัน โดยคดีนี้บีทีเอสชนะคดียื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนพ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นจำเลยที่1 และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 2 เนื่องจากเรื่องนี้มีการแก้ไขหัวข้อการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิค และการเงิน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกเอกชน โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำนิจฉัยเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2565 พิพากษาว่ากรณีดังกล่าว เป็นคำสั่งทางปกครองทั่วไปที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือเป็นการกระทำละเมิดต่อภาคเอกชน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น