วันที่ 21 ก.พ. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับโรคโควิด-19 ไปสู่การรักษาตามสิทธิ ว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้โรคโควิด 19 รักษาตามสิทธิ ตามที่ นพ.ธเรศ กรัษรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้นำเสนอขึ้นมา โดยจะมีผลเริ่มวันที่ 1 มี.ค.นี้ และได้กำชับให้อธิบดี สบส.ไปชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิหรือยกเลิก แต่เป็นการกำหนดขั้นตอนและมาตรฐานให้เกิดประสิทธิภาพ เกิดการใช้งบประมาณได้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่หากมีอาการฉุกเฉินวิกฤตยังสามารถใช้สิทธิ UCEP รักษาทุกที่ได้ ส่วนอาการฉุกเฉินใช้ UCEP Plus ซึ่งจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ขั้นตอนออกมา แต่ในทางปฏิบัติคิดว่าไม่มีปัญหาเรื่องการให้บริการ
“การกำหนดคำจำกัดความอะไรต่างๆ เป็นเรื่องปฏิบัติภายในกระทรวง แต่เรื่องการให้บริการประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ ทุกอย่างเป็นไปตามสิทธิที่มี และเป็นสิทธิที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นการจัดระเบียบ ไม่ใช่ยกเลิกเพราะอย่างไรก็ดูแล แต่ดูแลตามลักษณะอาการ” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.โควิดจะไม่ใช่โรคฉุกเฉิน นายอนุทินกล่าวว่า คำจำกัดความคือโรคที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลตามสิทธิหลักประกันสุขภาพของประชาชนแต่ละคน
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงเปลี่ยนผ่านแรกๆ อาจมีประชาชนไป รพ.ที่ไม่ได้อยู่ตามสิทธิของตัวเอง จะมีการรองรับดูแลอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เราเริ่มประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มา 1 เดือนแล้ว ถ้ามีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นโรคอื่นด้วยและโควิดมาซ้ำ มีอาการรุนแรงก็ใช้สิทธิฉุกเฉินได้ คือ UCEP Plus แต่ไม่มีอาการอะไรเลย แล้วอยากไปเข้า รพ. โดยเฉพาะ รพ.เอกชน ก็เหมือนโรคอื่นๆ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เราก็ต้องปรับสภาพให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุดกับพี่น้องประชาชนและภาครัฐ เรื่องงบประมาณต่างๆ