“พล.ท.นันทเดช” สะท้อนมุมมองผู้ปกครอง เด็กสาธิตธรรมศาสตร์

"นันทเดช" สะท้อนมุมมองผู้ปกครองเด็กสาธิตธรรมศาสตร์ บอกแล้วแต่เวรแต่กรรม ชี้มีทั้งดีไม่ดีห่วงโตไปเหมือนรุ่นพี่ พร้อมแนะอย่าเอาเด็กเป็นหนูทดลอง ลอกแต่วิธีเรียนต่างประเทศ ต้องคงอัตตลักษณ์ไทยไว้บ้าง

พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า วันนี้บังเอิญได้ไปคุยกับผู้ปกครองเด็กสาธิตธรรมศาสตร์ 2 คน เข้าพอดี ก็เลยถามเค้าว่า ลูก กับ หลาน เป็นอย่างไรบ้าง เพราะเห็นมีข่าวทางหนังสือพิมพ์ เค้าตอบว่า “ต้องแล้วแต่เวร แต่กรรม” ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นอย่างไร ถึงคิดแบบนั้น เค้าตอบว่า มันมีทั้งดีและไม่ดี เกิดขึ้นพร้อมๆกัน เรื่องที่ดีลูกกล้าพูดกล้าคุยมากขึ้น แต่ก็กล้าไปทุกอย่าง รู้อะไรมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรรู้ ในวัยนี้ ผมก็บอกว่า โลกมันไปไกลแล้ว จะให้เด็กเรียนแบบ รุ่นพ่อรุ่นแม่ คงไม่ได้มั้ง พ่อคนหนึ่งกับยายคนหนึ่งของเด็กก็ตอบผมว่า เค้าก็รู้ แต่กลัวว่าพอไปอยู่มหาวิทยาลัย จะหนักกว่านี้ เพราะเครื่องแบบไม่มี บางกลุ่มเลิกเรียนมักไปมั่วสุมกันที่ศูนย์การค้าสบายกันไปเลย ผมจะไว้ทรงอะไรก็ได้ นุ่งกางเกงขาสั้นก็ได้ ย้อมสีผมได้ด้วย ผมว่าอันนี้น่าจะมากไป

ข่าวที่น่าสนใจ

พลโท นันทเดช กล่าวว่า พวกเค้าบอกต่อว่าไม่มีสวดมนต์ตอนเช้า ขนาดโรงเรียนคริสต์ยังให้เด็กพุทธ สวดมนต์เลย เพราะมันจะทำให้เด็กมีจิตสำนึกในทางที่ดีเกิดขึ้นมาเมื่อทำอยู่ประจำ แถมยังไม่มีเข้าแถวร้องเพลงชาติอีก เรื่องนี้ทำให้เด็กขาดระเบียบ วินัย ทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง จนขาดความรอบคอบเป็นนิสัยติดตัวไป ผมเห็นด้วย แต่ก็ค้านไปว่า โรงเรียนน่าจะมีอะไรมาทดแทน พ่อกับยายเด็ก บอกว่า กลัวจะไปเหมือนรุ่นพี่ๆ ที่เป็นข่าวทางไลน์อยู่ในขณะนี้ ผมบอกว่ามันมีอยู่ไม่กี่สิบคน เด็กดีๆมีมากว่าแยะ อย่าไปวิตกเลย

พลโท นันทเดช กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังบอกอีกว่า สิ่งที่มาแทนการเข้าแถวหน้าเสาธง คือ มีรวมกลุ่มก่อนเข้าเรียน ครูมักจะถามว่าไปทำอะไรกันบ้างเมื่อกลับบ้าน เป็นหัวข้อหลัก ฯลฯ มันสอนให้เด็กหัดโกหก แล้วไปหัวเราะลับหลังครู โดยไม่ได้อะไรกลับมา ผมก็เลยแกล้งบอกว่า เด็กไม่กะล่อนอยู่ยากนะในอนาคต เห็นตัวอย่างนักการเมืองไหม ส่วนใหญ่เรียนพอเอาตัวรอดทั้งนั้น เลยโดนพวกเค้าอัดกลับว่าเป็นเพราะผมและภรรยาจบธรรมศาสตร์มาซิ ถึงพูดแบบนี้ ผมรีบปฎิเสธทันทีว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันธรรมศาสตร์แย่งกันมาแทบเป็นแทบตาย ตอนนี้ต้องไปอ้อนวอนกันมา มันต่างกันแยะ ขนาดที่ต่างประเทศชมรมธรรมศาสตร์ยังยกเลิกไปเลยก็มี ทั้ง 2 คนเลยยิ้มออก

พลโท นันทเดช กล่าวว่า นอกจากนั้นก็คุยต่อไปได้ว่ายังมีเด็กมีขาใหญ่ประจำโรงเรียนอีกด้วย ครูก็รู้ ผมบอกว่าเรื่องนี้ มีเกือบทุกโรงเรียนครับ เป็นเรื่องใหญ่ของกระทรวงศึกษาธิการจะต้องเข้ามาจัดการ ไม่เช่นนั้น เด็กติดยาจะเพิ่มมากขึ้น เด็กคนไหนไม่ใช้ยาเสพติดก็ต้องจ่ายตังค์ให้พวกนี้ ไม่งั้นออกมานอกโรงเรียนมักจะมีนักเลงมาทำร้ายร่างกายสั่งสอน ฯลฯ เนตรนารีและลูกเสือก็ไม่ต้องเรียนด้วย เรื่องนี้ผมว่าเห็นด้วย แต่ต้องให้อิสระเด็ก เลือกเรียนได้ไม่ใช่ยกเลิกไปเลย วิชาบางเรื่องก็ดี เช่น เรื่องผูกเงื่อน มันเป็นเรื่องของ กระบวนการคิด กระบวนการแก้ปัญหา มันอาจต้องใช้เค้าสักวันเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าจะมีหนังสติ้กมาแทนแล้วก็ตาม

พลโท นันทเดช กล่าวว่า ผมจึงถามว่าแล้วทำไมถึงให้ลูกไปสมัครเรียนละ คนเป็นยายบอก มันอยู่ใกล้บ้าน และก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ส่วนคนเป็นพ่อบอก ลูกรบเร้าจะไปเรียน ค่าเล่าเรียนก็ไม่แพง ปีละประมาณแสนกว่าๆเท่านั้น ผมบอกว่าพวกคุณมีตังค์ ดังนั้นอย่าบ่น พวกเค้าเถียงว่า เข้าโรงเรียนหลวงดีๆ ค่าแป๊ะเจี๊ยะ ไม่ต่ำกว่า 5 แสน ผมบอกว่าเป็นเรื่องที่เก็บครั้งเดียว แล้วก็เรียนได้ตลอดไป ผู้ปกครองทั้ง 2 คน ก็บ่นไปอีกระยะหนึ่ง ถึงตัวบุคคลหลายคน แต่ก็ไม่กล้าไปพูดที่โรงเรียนกลัวลูกกลับมาว่าเอา เพราะไม่มีความลับ ครูจะมาเล่าให้เด็กคนอื่นๆฟังด้วย

พลโท นันทเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ฟังหูไว้หูครับ ให้อนาคตเป็นตัวบ่งบอกเอง ว่ามันจริง หรือไม่จริง เพราะตอนนี้ก็เพิ่งผ่านไป 2 รุ่นเท่านั้นเอง และผมก็ยังเชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่ ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าพ่อแม่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด คอยชี้แนะว่าอะไรควรมิควรไว้บ้าง อย่างย้อมผมสีเขียว แบบนี้ควรจะห้ามเด็กเอง อย่าไปโทษโรงเรียน ไม่ได้แน่ อย่างไรก็ตามผมว่า ทางโรงเรียน สาธิต มธ.ก็ต้องคิดให้ดี และ รอบคอบมากขึ้นว่า เมื่อเด็กโตขึ้นกว่านี้ จะให้อิสระที่มีขอบเขตอย่างไร ในขณะเดียวกัน โรงเรียนอื่นก็ควรจะต้องเอาระบบการเรียนการสอนที่ สาธิต มธ.มาคิดดูในเรื่องดีๆซึ่งก็มีอยู่เช่นกัน

พลโท นันทเดช กล่าวว่า สุดท้ายผมขอฝากว่า อย่าเอาเด็กมาเป็นหนูทดลอง ตอบสนองความเชื่อมั่นของตัวเองนะครับ ดังนั้นอย่าโลดโผนเกินไป จนลืมวัฒนธรรมประเพณีไทยที่ดีงามไปทั้งหมด ในขณะที่หลายประเทศ ที่พวกคุณไปลอกวิธีเรียนของเค้ามาชื่นชมนั้น ก็ต้องดูด้วยว่า แบบนั้นมันสอดคล้องกับ ภูมิ-วัฒนธรรม และสภาพสังคมของเขา แต่กับของประเทศเรา เป็นแบบไหนดีที่พอจะคงอัตตลักษณ์ของความเป็นไทยไว้บ้าง การลอกมาใช้ทั้งดุ้นจะดีและเหมาะสมหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น