วันที่ 23 ก.พ. 2565 ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่าบรรดาคอบุหรี่และร้านขายของชำเล็ก ๆ ในเขต อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชกำลังรวมตัวกันเพื่อเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีที่เจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้มงวดกวดขันออกตรวจสอบจับกุมบุหรี่เถื่อนจนผู้ที่ซื้อไปสูบเองหรือร้านขายของชำเล็กๆ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ในขณะที่ร้านค้ายักษ์ใหญ่ที่เป็นเอเยนต์จำหน่ายมีอยู่เกลื่อนทั้งเมืองกลับจำหน่ายกันได้อย่างอิสระเสรี ไม่มีการจับกุมใด ๆ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา กำลังเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ฯได้เข้าตรวจค้นจับกุมบุหรี่เถื่อนที่ร้านน้ำชา “หลาดคาน” ตรงข้ามห้างสรรพสินคาเซ็นทรัลพลาซ่า สาขานครศรีธรรมราช ถนนพัฒนาการทุ่งปรัง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยจะมีการรวมตัวเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมภายในวันสองวันนี้
จึงเดินทางไปตรวจสอบพบร้านน้ำชาดังกล่าวมีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง โดยพบนายอภิโชติ วัฒนประเสริฐกุล อายุ 67 ปี เซียนพระเครื่องชื่อดังเมืองคอน อดีตเสี่ยใหญ่เจ้าของธุรกิจโรงพิมพ์ “ช.วัฒนาการพิมพ์” ปัจจุบันล้มเลิกกิจการเนื่องจากประสบปัญหาวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 จึงหันมาเปิดร้านขายน้ำชา-กาแฟ ชื่อร้าน “น้ำชาหลาดคาน” พร้อมภรรยากำลังให้บริการลูกค้าที่มาดื่มน้ำชา-กาแฟ ซึ่งล้วนเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักมักคุ้น สนิทสนมกันเป็นอย่างดี และต่างสอบถามเรื่องราวการถูกจับกุมบุหรี่เถื่อนที่ร้านน้ำชาแห่งนี้เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2565 และนั่งพูดคุยวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง นายอภิโชติ เจ้าของร้านจึงได้นำบันทึกการจับกุมที่ถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐาน 1 ชุดมาวางบนโต๊ะให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่มาอุดหนุนได้อ่านบันทึกการจับกุม
นายอภิโชติ เจ้าของร้านและเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2565 เวลาประมาณ 09.30น.ได้มีกำลังเจาหน้าที่สรรพสามิต นำโดยนางวิภาดา อรัญญเวศ นักวิชาการสรรพสามิตชำนาญการ พร้อมด้วยนางสาวรัฐนันท์ สุขรักษา เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญงาน นายวิศิษย์ วรรณกุล พนักงานขับรถยนต์ และนายแสนศักดิ์ เสนา พนักขับรถยนต์ เข้ามาในร้านและตรวจค้นหาจับกุมการลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนในร้านตน โดยอ้างว่าดำเนินการตามคำสั่งกรมสรรพสามิต ที่ (สพ.0803) 10/2565 ภายใต้การอำนวยการของ นายเทพพิมล ทองคำชุม สรรพสามิตพื้นที่สาขาเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมยึดได้ของกลางคือ บุหรี่หรือยาสูบต่างประเทศ ยี่ห้อ JOHN BLACK ขนาดบรรจุซองละ 20 มวน (3 หีบ ) รวมจำนวน 33 ซอง จึงควบคุมตัวตนเป็นผู้ต้องหา นำตนไปที่สำนักงานสรรพสามิตและขอให้ตนจ่ายเงินค่าปรับ 20,000 บาทและจบเรื่องไม่ต้องส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกระบวนการในชั้นศาล “แต่ตนไม่ยอมจ่ายเงินตามจำนวนดังกล่าวและยืนยันบุหรี่จำนวนดังกล่าวเป็นของตนจริงแต่ไม่ได้มีไว้เพื่อขายหรือจำหน่าย แต่ซื้อมาสูบเองเพราะตนเป็นคนสูบบุหรี่จัดวันะ 3 ซอง หากซื้อบุหรี่ไทยซองละเกือบ 100 บาท แต่บุหรี่หนีภาษาซองละ 25-30 บาทเท่านั้นลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ หากให้ตนจ่ายค่าปรับที่สรรพสามิตถึง 20,000 บาท ตนไม่ยอมจ่ายแน่นอนขอให้ส่งดำเนินคดีในชั้นศาลเพราะเชื่อว่าศาลพิพากษาลงโทษคงไม่หนักถึงประการชีวิตอย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่จึงทำบันทึกการจับกุมและให้ตนเซ็นซึ่งตนก็เซ็นให้ไปด้วยภาวะความจำยอม แต่จะให้การปฏิเสธในชั้นศาลต่อไป หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้บันทึกการจับกุมและแจ้งข้อหากระทำผิดตาม พรบ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ก่อนควบคุมตนส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ระหว่างรอการสอบสวนปากคำเพื่อสรุปส่งอัยการและส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนต่อไป ในขณะที่ตนได้รับความกรุณาจาก ส.ท.เทศบาลนครนครศรีธรรมราชคนหนึ่งใช้ตำแหน่งประกันตัวออกมาเป็นอิสระ”
นายอภิโชติ กล่าวอีกว่าในวันที่จับกุมตนมีพรรคพวกเพื่อนฝูงที่นั่งในร้านโวยวายว่ามุ่งจับกุมคนที่ซื้อบุหรี่หนีภาษีมาสูบรวมทั้งร้านค้าของชำ ร้านขายน้ำชากาแฟเล็ก ๆ เท่านั้นทำไมไม่จับกุมร้านค้าที่เป็น เอเยนต์บุหรี่หนีภาษายักษ์ใหญ่หลายสิบร้านเกลื่อนเมือง และห่างจากร้านน้ำชาของนายอภิโชติ ไม่กี่ร้อยเมตรก็มีร้านยักษ์ใหญ่เป็นเอเยนต์จำหน่ายด้วยทำไมไม่ไปจับกุม เจ้าหน้าที่สรรสามิตชุดดังกล่าวจึงไปตรวจค้นจับกุมที่ร้านใหญ่ดังกล่าวด้วย โดยยึดบุหรี่ไป 2-3 ลังแต่ตนทราบภายหลังว่ามีการสั่งปรับแค่ 17,000 บาทเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ถ้าจะเอากันตามระเบียบกฎหมายค่าปรับควรจะสูงกว่านั้น จนเมื่อเรื่องการจับกุมตนถูกเผยแพร่ออกไปทำให้คนที่สูบบุหรี่และร้านค้าเล็ก ๆ ที่เคยถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจับกุมและสั่งปรับตามกฎหมายมารวมตัวปรึกษาหารือกัน เพื่อเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมและสื่อมวลชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้ตรวจสอบการค่าบุหรี่รวมทั้งสุราและสินค้าหนีภาษาอื่น ๆ ที่มีอยู่เกลื่อนเมือง โดยไม่ถูกจับกุมสาเหตุเพราะอะไร
“หากเจ้าหน้าที่อ้างว่าทำตามกฎหมาย ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ใช่มุ่งแต่จะจับกุมปลาซิวปลาสร้อย แต่เป็นผู้ซื้อบุหรี่เถื่อนมาสูบหรือร้านค้าเล็ก ทั้งหมดซื้อมาจากเอเยนต์ใหญ่ทั่วเมืองครั้งละ 1-2 หีบหรือ 20-30 ซองเท่านั้น ตนและคนเมืองนครศรีธรรมราชทุกคนมีข้อมูลร้านใหญ่ทุกร้าน มีข้อมูลกระทั้งรถที่บรรทุกบุหรี่หนีภาษีมาส่งกี่ตัน เป็นรถกระบะ รถ 6 ล้อกี่คัน สีทะเบียนอะไรบ้าง มาส่ง วันเวลาไหน ตนพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แต่เจ้าหน้าที่พร้อมหรือไม่ตนจะไปชี้ให้จับกุมให้หมดทุกร้าน ทุกแห่ง ซึ่งการที่ไม่จับกุมร้านใหญ่ ๆ เพราะกลัว “เจอตอ”ใช่หรือไม่ แต่ตนและร้านค้าเล็ก ๆ ไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่หนุนอยู่เบื้องหลัง ถูกกวาดล้างจับกุมเดือดร้อนกันระนาวทั้งเมือง ตนยืนยันว่าบุหรี่ที่ถูกจับ 30 ซองไม่ได้ซื้อมาจำหน่าย เพราะหากซื้อมาจำหน่ายต้องบวกกำไรเข้าไปด้วย เช่น ซื้อมาซองละ 25 บาทก็มาขาย 30 -35 บาท หรือซื้อมาซองละ 30 บาทก็ต้องมาขาย 35-40 บาท ซึ่งในความเป็นจริงจะขายไม่ได้เลยเพราะมีร้านค้าเอเยนต์ใหญ่อยู่ใกล้ ๆ เขาขายได้ราคาถูกกว่าซองละ 5-10 บาทลูกค้าก็ไปซื้อที่ร้านใหญ่ที่ราคาถูกไม่ดีกว่าหรือ แต่เมื่อมารังแกพวกคนเล็กคนน้อย พวกตนจะรวบตัวกัน “ดับเครื่องชน”เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมจนถึงที่สุด ทางกรมสรรสามิตพร้อมที่จะล้างบางบุหรี่และสุรารวมทั้งสินค้าหนีภาษีในจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้งหมดหรือไม่ และหากไม่ดำเนินการเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่” นายอภิโชติ กล่าวอย่างหนักแน่นในทีสุด.
กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์/ จ.นครศรีธรรมราช