เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 28 ก.พ. 2565 ร.ต.อ.พิชญพงศ์ แก้วสิริกาญจน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุโพธิ์ทองว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ร้านเฮงธนกิจ ตั้งอยู่เลขที่ 998/80-82 ถ.กวงเฮง ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นร้านขายส่งสินค้าขนาดใหญ่ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมทั้งประสานงานไปยังเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เพื่อขอรถดับเพลิงมาช่วยดับเพลิง จากนั้น ได้รุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรพงศ์ วรพิมพ์รัตน์ รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ต.ทนงศักดิ์ ยะสูงเนิน สวป. พ.ต.ต.จิรประวัติ บุญรินทร์ สว.จร. และกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.สายตรวจและเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดจราจร ไปอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้รถดับเพลิง
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จำนวน 6 คันกำลังช่วยกันระดมฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้บริเวณชั้น 3 ของร้าน ไฟได้ลุกไหม้รวดรวดเร็วมากเนื่องจากว่าชั้น 3 ที่เกิดเหตุเป็นที่เก็บสินค้าเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ จำนวนมากและเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าไม่สามารถเข้าไปที่บริเวณชั้น 3 ได้เนื่องจากว่าไฟลุกไหม้แรงมาก ต้องฉีดน้ำจากบริเวณถนนหน้าร้านขึ้นไปที่ชั้น 3 แต่ว่ายังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ซึ่งมาบัญชาการดับเพลิงด้วยตนเอง ได้สั่งการให้นำรถกระเช้าดับเพลิงมาเร่งฉีดน้ำดับเพลิงอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เศษ จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้
นายสุรกิจ พัวไพศาล อายุ 55 ปี เจ้าของร้านเฮงธนกิจที่เกิดเหตุ เล่าว่า ขณะที่ตนและครอบครัวกำลังขายส่งสินค้าให้กับลูกค้า ได้มีพนักงานของร้านวิ่งมาบอกว่า เกิดไฟไหม้ที่ชั้น 3 ของร้าน ซึ่งเป็นที่เก็บสินค้า ตนจึงได้ขึ้นไปดูที่เกิดเหตุและพบว่าไฟกำลังลุกไหม้ ดังนั้น จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเทศบาลเมืองศรีสะเกษ เพื่อขอรถดับเพลิง ซึ่งรถดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุรวดเร็วมากและเร่งฉีดน้ำดับเพลิงอย่างเต็มที่ ตนต้องขอขอบคุณ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษและคณะที่มาช่วยดูแลดับเพลิงด้วยตนเอง สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะอาจจะมีหนูไปกัดสายไฟเนื่องจากว่ามีสินค้าจำนวนมากอยู่ที่ชั้น 3 ส่วนความเสียหายครั้งนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ กล่าวว่า การเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ไฟลุกไหม้เร็วมาก คาดว่ามีสินค้าที่เป็นเชื้อไฟจำนวนมาก เนื่องจากว่าเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ตนจึงได้สั่งให้รถกระเช้าที่สามารถดับเพลิงตึกสูง 10 ชั้นมาทำการระดมฉีดน้ำดับเพลิงร่วมกับรถดับเพลิงอีก 5 คัน อย่างเต็มที่ จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงครั้งนี้ ต้องรอการตรวจสอบจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป.
ภาพ/ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ