ต่อมาได้มีการสัมภาษณ์อดีตำรวจมือปราบ 2 อดีตบิ๊กนครบาล อย่าง พลตำรวจโท คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว ในฐานะที่เคยไขปริศนาคดียาก มาตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจ
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือบิ๊กแจ๊ส นายก อบจ.ปทุมธานี อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจ ในฐานะที่ตนเองเล่นเรือมานาน เรือก็เหมือนรถ มีการขึ้นทะเบียนที่กรมเจ้าท่า การขับเรือต้องมีใบอนุญาต ที่เหมือนกับใบอนุญาตขับขี่รถ รถวิ่งซ้าย เรือต้องวิ่งขวา ประสบการณ์ในการขับต้องรู้พื้นที่ รู้ร่องน้ำ อย่างตนเองขับเรือในแม่น้ำเจ้าพระยามาหลายปี และไม่ควรขับในเวลากลางคืน ซึ่งเรือที่ตนเองขับเป็นเรือเอี้ยมจุ้น ที่นำมาดัดแปลง มีสปอตไลต์ส่องในเวลากลางคืน
“นอกจากนี้ธรรมชาติของชาวบ้านริมแม่น้ำในเวลากลางคืน เขามักจะออกมาลงข่ายดักปลา หรือตกกุ้ง โดยจะมีตะเกียงเล็กส่องสว่าง หากสปีดโบ๊ตแล่นมาเร็วไม่ทันเห็น แวบเดียวก็ชนแล้ว ถึงแม้บางจุดจะมีการติดไฟเตือนไว้สำหรับโค้งน้ำ เราก็ต้องสังเกต ผู้ที่ขับเรือบางคนก็สักแต่ว่าขับ คุณไม่รู้ว่าคุ้งน้ำอยู่ตรงไหน แล้วขับด้วยความเร็ว ซึ่งในเวลากลางคืนถือว่าอันตรายมาก แม้แต่ผักตบชวาก็เป็นอุปสรรคต่อสปีดโบ๊ต เพราะสามารถพันใบพัดเรือได้ จึงเป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่งที่เรามีเรือแล้วจะสามารถขับเรือโดยที่เราไม่รู้กฎกติกา ไม่รู้พื้นที่ ไม่รู้ภูมิประเทศ อย่างนี้ก็อันตราย”
บิ๊กแจ๊ส บอกด้วยว่า อย่างตามที่ข่าวบอกว่า มีการมารับทานอาหารที่จังหวัดปทุมธานี ที่ร้านบ้านตานิด ตำบลบ้านกระแชง อำเภอเมืองปทุมธานี อาหารเขาก็มีชื่อเสียงอร่อยมาก การที่มาแล้วเกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่จะมาท่องเที่ยวทางเรือ ท่องเที่ยวทางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เป็นข่าว เรื่องที่เกิดขึ้นสืบไม่ยาก เรื่องจริงง่าย ในฐานะที่ผมเคยเป็นตำรวจ อยู่สืบสวนมาชั่วชีวิต ก็ฝากน้องๆ ตำรวจ ขอให้เอาเรื่องจริงมาให้ได้ อย่าไปเห็นว่าผู้ต้องหาคือใคร คนผิดก็คือผิด ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เสียหาย เราต้องเอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้ หากเราคิดว่าเราเป็นตำรวจที่มีอุดมการณ์ของตำรวจ