“รมช.สันติ” เลี่ยงแจงเร่งถกบอร์ดราชพัสดุ ประมูลท่อน้ำ EEC ฝืนมติครม.

"รมช.สันติ" เลี่ยงแจงเร่งถกบอร์ดราชพัสดุ ประมูลท่อน้ำ EEC ฝืนมติครม.

เกาะติดสารพัดปัญหา การประมูลท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก หลังกรมธนารักษ์ ยุคอดีตอธิบดี ยุทธนา หยิมการุณ ดำเนินการไม่ปกติ จนบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ต้องร้องศาลปกครอง ส่งผลที่ประชุมบอร์ดราชพัสดุ 6 ต่อ 4 ชะลอแผนพิจารณา หวั่นผิดกฎหมาย ล่าสุดพบการประมูลฯ ส่อขัดมติครม.ปี 2535 เหตุชี้ชัดให้การประปาส่วนภูมิภาค ตั้งอีสท์วอเตอร์ รับผิดชอบบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ต้องจับตาบอร์ดที่ราชพัสดุ นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ว่าจะดึงดัน รับรองผลการประมูลเพื่อเปิดช่องให้เอกชน เข้ารับสัมปทาน จนอาจสร้างความเสียหายแก่รัฐหรือไม่ หลัง “วงษ์สยามก่อสร้าง” จี้กรมธนารักษ์ นัดบอร์ดที่ราชพัสดุ เร่งทบทวนอนุมัติผลประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี

ติดตามการประมูลโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ซึ่งการประมูลครั้งแรก ที่มีนายยุทธนา หยิมการุณ นั่งเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ ในขณะนั้น พบว่า บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EASTW) หรือ อีสท์วอเตอร์ เป็นผู้ได้คะแนนสูงสุด 173.83 คะแนน ส่วนบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้คะแนน 170.10 คะแนน แต่คณะกรรมการคัดเลือก กลับมีมติยกเลิกการประมูลดังกล่าวและให้ประมูลใหม่ โดยอ้างว่า TOR ที่คณะกรรมการคัดเลือกมีมติรับรองไม่ชัดเจน ทั้งๆ ที่คณะกรรมการคัดเลือกเป็นผู้กำหนดและพิจารณามีมติรับรอง ก่อนที่จะให้เอกชนเสนอรายละเอียดเข้าร่วมประมูล

ต่อมา ได้มีการเปิดประมูลครั้งที่ 2 ปรากฏว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งคะแนนต่ำกว่าอีสท์วอเตอร์ ในการประมูลครั้งแรก ได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ 25,693.22 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี มากกว่า ‘อีสท์วอเตอร์ ซึ่งเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐ 24,212.84 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี

ส่งผลให้เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 อีสท์วอเตอร์ จึงได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และกรมธนารักษ์ ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติหรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และเพิกถอนประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่

ซึ่งแม้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งยกคำร้องขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา แต่คดีในส่วนที่บริษัทฟ้องขอให้เพิกถอนมติหรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และเพิกถอนประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่นั้น ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พยายามจะเดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยยืนยันที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ พิจารณาผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก (จัดให้เช่า/บริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก) ที่ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล

จนนำมาสู่การประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65 ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม และมีนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมผู้บริหารกรมธนารักษ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผลปรากฎว่า คณะกรรมการฯ ได้มีมติ 6 ต่อ 4 ให้ชะลอการพิจารณาอนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ซึ่งบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐสูงสุด เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ ระบุว่า ให้รอคำพิพากษาศาลปกครองกลางก่อน

ขณะที่มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้ทำหนังสือถึงนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ให้เสนอและนัดประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อให้มีการทบทวนมติคณะกรรมการที่ราชพัสดุเกี่ยวกับการอนุมัติผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก

หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ กรมธนารักษ์ประกาศผลการคัดเลือกให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นเอกชนผู้เข้าบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และได้นำเสนอคณะกรรมการที่ราชพัสดุ พิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2565 แต่คณะกรรมการที่ราชพัสดุมีมติเสียงข้างมากให้รอฟังผลคำพิพากษาของศาลปกครองกลางก่อน นั้น

ขอเรียนว่าบริษัทฯ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกที่ ผ่านกระบวนการต่อรอง/ยอมรับร่างสัญญา ที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด รอเพียงการนำเสนอคณะกรรมการที่ราชพัสดุให้ความเห็นชอบ และบัดนี้ล่วงพ้นกำหนดเวลาลงนามในสัญญาตามที่กฎหมายกำหนดไปเป็นเวลาเกินสมควร ประกอบกับศาลปกครองกลางสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของผู้แพ้การเสนอราคา โดยไม่มีประเด็นความมิชอบของการเสนอราคา และบทบัญญัติแห่งกฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการที่ราชพัสดุมีหน้าที่และอำนาจเพียงการให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขกฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

การที่คณะกรรมการที่ราชพัสดุไม่ได้ทักท้วงความถูกต้องแห่งสัญญา แต่เสียงข้างมากมีมติว่า “ให้รอฟังผลคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง” นอกจากเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามหน้าที่อันพึงต้องกระทำของคณะกรรมการที่ราชพัสดุแล้ว ยังเป็นการประวิงเวลาในการปฏิบัติตามพันธะของรัฐที่มีต่อเอกชนผู้ชนะประมูลให้เนิ่นนานออกไปโดยไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด

จึงมีข้อครหาว่า เป็นการเอื้อประโยชน์และให้ประโยชน์แก่ผู้แพ้ประมูลในอันที่จะครอบครองใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไปอย่างไม่มีประมาณด้วยค่าตอบแทนเดิมที่กำหนดเมื่อ 30 ปีที่ล่วงมา และถือเป็นการใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงการก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ

และเมื่อปรากฎว่า การประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุดังกล่าว มีกรรมการลาประชุม 2 ราย และปรากฎข่าวทางสื่อสารสนเทศว่า กรรมการเสียงข้างมากดังกล่าวจำนวน 4 ราย ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติม และแจ้งว่าเปลี่ยนใจเห็นชอบตามมติให้รับรองสัญญาตามข้อเสนอของกรมธนารักษ์ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุผลอันสมควรที่ท่านจักได้นำเสนอต่อคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อพิจารณาทบทวนลงมติใหม่อีกครั้ง

 

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อธิบดีกรมธนารักษ์ ได้รับหนังสือแจ้งจากกรรมการที่ราชพัสดุบางราย ขอให้นัดประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุอีกครั้ง เพื่อให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการคัดเลือกเอกชนในโครงการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก ซึ่งหลังจากได้รับหนังสือแล้ว กรมธนารักษ์ได้นำเรื่องเสนอต่อ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เพื่อให้พิจารณาสั่งการเรียกประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุต่อไป

ขณะที่ต่อมา เมื่อพบว่ามีเอกสาร เป็นมติ ครม. ปี 2535 ชี้ชัดให้ การประปาส่วนภูมิภาค ตั้งบริษัท อีสท์วอร์เตอร์ เป็นผู้บริหารระบบน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ตลอดจนการโอนสิทธิในการบริหาร ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง เช่น ท่อน้ำจาก กระทรวงการคลัง และ หน่วยงานอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในการบริหาร จัดการอย่างเต็มระบบ

จากประเด็นร้อนดังกล่าว ทางทีมข่าว TOPNEWS ได้พยายามติดต่อไปยังนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ รวมถึงคณะกรรมการฯ หลายท่าน ถึงประเด็นการเรียกประชุมบอร์ดที่ราชพัสดุ ครั้งต่อไป เพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว

ซึ่งช่วงสายวันนี้ ( 2 มี.ค.) นายสันติ รับสาย และแจ้งว่า ผมประชุมอยู่ อยู่ทางใต้ แล้ววางสายไป

ขณะเดียวกัน ทางทีมข่าว ได้ติดต่อไปทางเลขาฯ ของนายสันติ แจ้งว่า นายสันติ มีภารกิจลงพื้นที่ภาคใต้ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จนถึงช่วงเย็น ไม่น่าจะสะดวกตอบคำถาม อย่างไรก็ตาม จะแจ้งให้รมช.คลัง ทราบ และจะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากเมื่อวันที่ (1 มี.ค.65) ทีมข่าวได้ติดต่อไป และทางเลขาฯ แจ้งว่า รมช.คลัง ติดประชุม และจะติดต่อกลับมา ก่อนท้ายสุดไม่มีการติดต่อกลับมายังทีมข่าว ท็อปนิวส์ แต่อย่างใด

ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าง อธิบดีกรมธนารักษ์ และ อธิบดีกรมที่ดิน ในฐานะกรรมการที่ราชพัสดุ ล้วนแจ้งว่าติดประชุม ขณะที่ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะรองประธาน คณะกรรมการที่ราชพัสดุ ยังไม่รับสาย

สุดท้าย เมื่อปรากฏชัดเจน ตาม มติครม. ในปี 2535 แล้ว และการประมูลที่เกิดขึ้น ได้สร้างข้อกังขาจนนำไปสู่การฟ้องร้องคดีกัน ก็ต้องติดตามดูว่าการประชุมบอร์ดที่ราชพัสดุครั้งต่อไป คณะกรรมการฯ ท่านใด จะยอมเสี่ยง และอาจทำให้ หน่วยงานรัฐ ต้องเสียค่าโง่โดยไม่จำเป็นอีกหรือไม่ ?????

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น