จากกรณี ปมประเด็นที่ “ส.ส.เบญจา แสงจันทร์” พรรคก้าวไกล มีการอภิปรายเรื่อง พรบ.งบประมาณ โดยโจมตี ว่า ในปี2565 สถาบันสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้รับงบประมาณเป็นจำนวนเงิน 3 หมื่นกว่าล้าน ซึ่ง ส.ส.เบญจา ได้นำข้อมูลออกมาพูดในลักษณะความจริงครึ่งเดียวนั้น ในส่วนของเรื่องดังกล่าว นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี และหัวหน้าพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว TOP NEWS ว่า…
นิสัยของพรรคก้าวไกล เค้ามีเจตนาแบบนี้อยู่แล้ว ในการสร้างความสับสนให้ประชาชนเข้าใจผิด เวลาพูดในภาพรวมก็ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าใช้เงินสูงถึง 3 หมื่นกว่าล้าน แต่เค้าไม่ได้พูดถึงรายละเอียดที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย เช่น โครงการในพระราชดำริ ซึ่งก็เป็นส่วนราชการหน่วยต่างๆที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้เอาไปดำเนินการ แต่เป็นพระประสงค์ที่รู้ว่าประชาชนเดือดร้อนและต้องการอะไร
นายแพทย์ วรงค์ บอกด้วยว่า เงินจำนวนนี้ มีงบประมาณหลากหลายที่ถูกกระจายออกไป แม้แต่งบส่วนราชการในพระองค์ก็เป็นเงินเดือน พูดง่ายๆคือเป็นของ สำนัคองค์มนตรี ทหาร หรือผู้เกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงต้องยืนยันว่า คนพวกนี้มีเจตนาที่จ้องทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์ มันก็เป็นงบเงินเดือน เพราะฉะนั้นผมต้องยืนยันว่า คนพวกนี้มีเจตนาที่จะจ้องทำลายความ ความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์
ในส่วนที่ส.ส.เบญจา มีการพูดถึงปมประเด็นเรื่องอยากให้มีการพิจรณางบโครงการพระราชดำริ ซึ่ง ส.ส.เบญจา ให้เหตุผลว่าบางโครงการไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน บางโครงการมีความซ้ำซ้อน บางโครงการไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรนั้น นายแพทย์ วรงค์ บอกกับเราว่า คนพวกนี้ไปอยู่ที่ไหนมาก็ไม่รู้ อาจไปอยู่ในมุมแคบๆ ของตัวเอง เราต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าพี่น้องประชาชนไปในพื้นที่ๆ ห่างไกล พื้นที่ๆกันดาร พื้นที่ๆลำบาก เป็นโครงการะพระราชดำริทั้งนั้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ลำพังถ้าไม่มีโครงการพระราชดำริ รับลองได้ว่าประชาชนจะลำบากและเดือดร้อน
“ผมอยากจะให้เปลี่ยนทัศนคติของของพวกนี้ เพราะเค้าจ้องแต่จะคิดลบอย่างเดียวโดยที่ไม่มองข้อเท็จจริง ผมเรียกร้องให้คนเหล่านี้ช่วยไปเยี่ยมประชาชนหน่อยสิ คุณไปดูของจริงหน่อยสิ คุณจะรู้เลยว่าโครงการพระราชดำริทั้งนั้น ที่ใกล้ชิดและช่วยเหลือประชาชน ผมยืนยันว่าเป็นความบกพร่องของนักการเมืองเสียอีก ที่ทำไมไม่ช่วยพระองค์ท่านในการทำงานเหล่านี้ แต่กลับกลายให้พระองค์ท่านต้องไปเยี่ยมเยียนและก็และก็รู้ว่าประชาชนลำบาก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”
สำหรับปมประเด็นที่ ส.ส.เบญจา หยิบมาโจมตีในเรื่องของโครงการเขื่อน โครงการอ่างเก็บน้ำ มีการโจมตีว่าไม่โปรงใส่และอยู่ในหน่วยราชการที่ไม่เกี่ยข้อง ตรงจุดนี้ นายแพทย์ วรงค์ มองว่าเรื่องการจัดการน้ำเป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บน้ำเขื่อน หรือระบบชลประทานบางประเภทที่พระองค์เสนอแนะไป เราเห็นว่าเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงมาก จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องนำเรื่องเหล่านี้มาโจมตี ควรเอาเวลาไปตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า แต่วันนี้คุณไม่ตรวจสอบการทุจริตเหล่านั้นเลย
ส่วนในเรื่องที่ ส.ส.เบญจา พูดถึงงบประมาณการทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ซุ้มงานต่างๆ นายแพทย์ วรงค์ แสดงความคิดเห็นว่า “ถามว่าคุณอยู่บ้านคุณไหว้พ่อแม่คุณมั้ย คุณมีรูปพ่อแม่คุณมั้ย คุณมีรูปปู่ย่าตายายคุณมั้ย เพราะว่านี่เป็นวิถีของสังคมไทย เราเคารพนับถือพ่อแม่ เรารักพ่อแม่ เราก็จะมีรูปบุคคลเหล่านั้นยนหิ้ง ดังนั้นการที่จะมีซุ้มเฉลิมพระเกียรติ จึงเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย
ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่าตั้งโครงการเฉลิมพระเกียรติ โครงการในพระราชดำริซ้ำซ้อนเปลืองงบประมาณงบประมาณนั้น นายแพทย์ วรงค์ ยืนยันว่าถ้าโครงการไหนซ้ำซ้อน คุณก็คควรชี้แจงมาเป็นเรื่องเป็นราวว่าอันไหนซ้ำซ้อน ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่ามันจริงหรือเปล่า แต่อาจจะพูดไปเรื่อย ที่ผ่านมาไม่เคยเชื่อมั่นในความคิดของคนคิดลบ ซึ่งถ้าพูดมาลอยๆแบบนี้ จึงไม่คิดว่าเค้าจะมีข้อมูลที่เป็นจริง
นายแพทย์ วรงค์ เชื่อว่า ส.ส.เบญจา มีความจงใจที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า งบประมาณ 3 หมื่นกว่าล้าน มันไปเข้าสถาบันทั้งหมด ซึ่งความจริงแล้วงบ 3 หมื่นกว่าล้านมันแตกย่อยเป็นงบที่หลากหลาย ไม่ใช่เป็นงบของพระองค์เอง แล้วพระองค์ก็ไม่ใช่ผู้ไปดำเนินการบริหารจัดการ เพราะทุกอย่างเป็นระเบียบของกรมบัญชีกลางตามปกติ ทำไมคุณตรวจสอบงบประมาณ 3 หมื่นล้าน แต่กับ 3ล้านล้าน ทำไมจึงไม่ตรวจสอบ โครงการของรัฐบาลน่าจะตรวจสอบมากกว่า สังเกตมั้ยครับว่าคนพวกนี้หน้าซ้ำๆ และมาโจมตีในประเด็นซ้ำๆที่ไร้เอกสารหลักฐาน แต่พูดลอยๆเฉยๆ