วันที่ 17 มี.ค. 2565 นายเสรี ขุนอักษร อายุ 70 ปี อยู่ที่ 159 ถ.ราษฎร์บูรณะ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะนายสมาคมบ้านพักคนชรา จ.สงขลา ได้มาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน โดยนำเอาหลักฐาน อาทิ ทะเบียนสมาคมที่ออกให้โดยนายทะเบียนสมาคม จ.สงขลา รวมทั้งสำเนาการแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กับ ร.ต.อ.เดชาวัต มากคำ พนักงานสอบสวน โดยระบุว่า ตนเป็นนายกสมาคมบ้านพักคนชรา จ.สงขลา ยังไม่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง แต่มาทราบว่า มีบุคคลอื่นคณะหนึ่งได้ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง นายก และคณะกรรมการบริหาร ของสมาคม โดยที่ตนเองไม่มีส่วนรู้เห็น จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนั้น นายเสรี ยังได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพิ่มอีกเรื่อง หลังจากได้มีการนำสิ่งของต่างๆ ในบ้านพักคนชรา เช่น เก้าอี้ ที่นอน หมอน และ ข้าวสาร ปลากระป๋อง ไปทิ้ง พร้อมทั้งไล่คนชราที่พิการออกจากบ้านพักคนชราที่ตนเองเป็นนายกสมาคมอยู่ โดยมี ร.ต.อ.ตตินัย ประมงค์ พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เป็นผู้รับแจ้ง โดย นายเสรี ได้นำหลักฐานทะเบียนของสมาคมบ้านพักคนชรา จ.สงขลา ทะเบียนเลขที่ 40 /2548 สำนักงานตั้งอยู่ 159 ถ.ราษฏร์บูรณะ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีชื่อตนเป็นนายกสมาคมฯ และกรรมการรวม 9 คน ซึ่งทาง จ.สงขลา ออกให้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 มีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี โดยจะสิ้นสุดในเดือนสิงหาคม 2565 แต่อยู่มาก็ทราบว่า ได้มีบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นกรรมการสมาคมบ้านพักคนชรา ที่ตนเป็นนายกอยู่ ได้ไปทำการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมีชื่อ พล.อ.จำลอง คุณสงค์ เป็นประธานที่ปรึกษา และมีชื่อ นายพิทักษ์อนันต์ เสรีรักษ์ เป็นนายกสมาคม และมีชื่อตนเองเป็นอุปนายก และ นายทะเบียน อยู่ด้วย โดยมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะกรรมการบริหารชุดชุดใหม่ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564
นายเสรี เปิดเผยต่อไปว่า ตนเองไม่เคยเรียกประชุมคณะกรรมกา รและสมาชิกสมาคม เพื่อประชุมใหญ่ และเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหาร เช่นเดียวกับกรรมการอื่นๆ ก็ไม่ได้รับรู้ว่า มีการยื่นขอแจ้งเพื่อเปลี่ยนแปลงนายกสมาคม และกรรมการบริหารสมาคมฯ และหลังจากที่ตนทราบเรื่อง ก็ได้เดินทางไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เพื่อขอทราบรายละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ให้ไปตรวจสอบที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด และทางเจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัด แนะนำว่า ให้มาตรวจสอบกับทางฝ่ายปกครองของอำเภอหาดใหญ่ ถึงความเป็นมาของการแปลงแปลงคณะกรรมการบริหาร โดยที่นายกสมาคมคนเก่ายังไม่หมดวาระ และไม่ได้รับรู้ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ รวมทั้ง ตนเอง และ เลขานุการ ของสมาคมฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการเรียกประชุมคณะกรรมการ และสมาชิก ก็ไม่เคยออกหนังสือเรียกประชุมแต่อย่างใด ตนจึงได้ไปแจ้งความ เพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งจะเข้าพบ นายอำเภอหาดใหญ่ และ ปลัดจังหวัดสงขลา ในฐานะนายทะเบียนจังหวัดสงขลา เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารสมาคมบ้านพักคนชราได้อย่างไรในเมื่อตนยังอยู่ในตำแหน่ง และตนก็ไม่ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ และสมาชิก เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารแต่อย่างใด
สำหรับสาเหตุในการถูกแย่งนายกสมาคมบ้านพักคนชราในครั้งนี้ นายเสรี เปิดเผยว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเรื่องของโควตาล๊อตเตอรี่ ซึ่งสมาคมสามารถที่จะขอโควตาล๊อตเตอรี่ เพื่อนำมาขายหารายได้ให้สมาคมบ้านพักคนชราได้ จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร โดยที่ตน และกรรมการ ไม่ได้รับรู้ และเรื่องที่เกิดขึ้นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสมาชิกบ้านพักคนชรา จ.สงขลา เป็นอย่างมาก เพราะ เป็นสมาคมที่มีผู้ บริหาร 2 ชุด ในเวลาเดียวกัน
นภาลัย ชูศรี/สงขลา