ที่กระทรวงสาธารณสุข นายศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตรวจตัวอย่าง 1982 ตัวอย่าง พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าเพียง 1 ราย ที่เหลือทั้งหมดเป็นโอมิครอน ส่งผลให้การระบาดในประเทศไทย เป็นสายพันธุ์โอมิครอนเกือบ100% จึงทำให้โอกาสที่จะเกิดสายพันธุ์เดลตาครอนซึ่งเป็นลูกผสมหรือไฮบริดในประเทศไทยไม่น่าเกิดขึ้นได้แล้ว ขณะเดียวกันพบว่าผู้ติดเชื้อเกือบ 2 พันราย ที่ถูกสุ่มตรวจ ส่วนใหญ่เป็นโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 และเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 78.5% ซึ่งจะพบมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนความรุนแรงของสายพันธุ์ย่อย BA.2 มากกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.1 หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่พบความแตกต่างๆ มีเพียงการแพร่ระบาดที่เร็วกว่า ยังไม่พบว่าทำให้การเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ข่าวที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ยังพบสายพันธุ์ย่อยBA.2.2 จำนวน 22 ราย และ BA.2.3 จำนวน 61 ราย ส่วนสายพันธุ์เดลตาครอน มีรายงานทั่วโลก 64 ราย รอตรวจสอบอีกกว่า 4,000 ราย ซึ่งส่งไปจากประเทศไทย 73 ราย อย่างไรก็ตามส่วนมากเป็นตัวอย่างที่ส่งไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา อีกทั้งคนไข้ทั้งหมด 73 ราย หายเรียบร้อยดีแล้ว ไม่มีเสียชีวิต อาจจะเป็นพันธุ์ผสมอันหนึ่งที่ไม่ได้หนักหนาและถ้าไม่แพร่เร็ว อีกสักระยะก็จบ แม้ว่าจะเป็นสายพันธุ์หนัก แต่ไม่แพร่เร็วเหมือนเชื้อเบต้าที่หายไปแล้ว อีกทั้งยังไม่มีข้อมูลว่าสายพันธุ์ย่อยนี้ จะแพร่เชื้อเร็วกว่า รุนแรงกว่า หรือหลบภูมิได้ ดังนั้นมาตรการสาธารณสุขของเรายังใช้ได้ ยังไม่ต้องสวมใส่หน้ากากสามชั้น แต่ก็ต้องเร่งฉีดวัคซีน
สำหรับกรณีฮ่องกงที่พบสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.2 นั้น อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจงว่า ระบบของจีเสดยังไม่พบข้อมูลของ BA.2.2 และ BA.2.3 ดังนั้น ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอว่าสายพันธุ์นี้มีความรุนแรง หนีวัคซีนหรือไม่ รวมถึงฮ่องกงเองก็ยังไม่ออกมายืนยันว่าที่พบผู้เสียชีวิตเยอะเกิดจาก BA.2.2 หรือไม่ ส่วนประเทศไทยพบ BA.2.2 จำนวน 14 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 8 ราย ส่วน BA.2.3 เจอเยอะกว่า คือในประเทศ 21 ราย จากต่างประเทศ 34 ราย สอดคล้องกับข้อมูลในจีเสดที่พบว่า BA.2.2 มีน้อยกว่า BA.2.3 ด้วยซ้ำ และการกลายพันธุ์นี้ไม่มีผลอะไรมาก ในท้ายที่สุดก็อาจหายไป คาดว่าอีกระยะจะมีการสรุปข้อมูลกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-