จนท.ลงสำรวจยันฟันธง ฟอสซิลสัตว์​ร่วมสมัย อายุกว่า 100 ล้านปี วอนขโมยนำชิ้นส่วนสำคัญคืน

จากกรณีที่มีชาวบ้านบ้านวังกุง ตำบลท่ากูบ อำเภอซับใหญ่​ จ.ชัยภูมิ​ พบสิ่งที่คล้าย ฟอสซิลไดโนเสาร์ จนกระทั้งได้มีการแชร์ลงไปในโลกโซเชียลและได้รับความสนใจจากคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก กระทั่งวันนี้เจอที่ธรณีวิทยา สังกัดกรมทรัพยากร ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่น่าเสียดายชิ้นส่วนสำคัญที่จะยืนยันว่าเป็นชนิดใดกลับถูกขโมยไปจึงวอนขอคืน มรดกศึกษาของชาติ

วันที่ 23 มีนาคม​ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงสำนักสงฆ์ถ้ำดงเข บ้านวังกุง ต.ท่า​กูบ​ อ.ซับใหญ่​ จ.ชัยภูมิ​ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 จังหวัดขอนแก่นสังกัดกรมทรัพยากร ลงพื้นที่ตรวจสอบตามกรณีที่มีผู้ พบเห็น สิ่งที่ดูคล้ายว่าจะเป็นฟอสซิลไดโนเสาร์ โดยการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณี ได้ประสานไปยัง เจ้าของพื้นที่คือ ที่ว่าการอำเภอซับใหญ่และองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากูบ เผื่อเขาทำเอกสาร ในการตรวจสอบ จากการเข้าพื้นที่พบว่าบนพื้นที่ดินสปก.ที่มีนายเทิดเกียรติ​ ชำนาญศรี บ.วังกุง ม.4 ต.ท่ากูบ อ.ซับใหญ่​ จ.ชัยภูมิ​ เป็นผู้ครอบครองทำกิน ใช้พื้นที่บริเวณนี้ รายการทำไร่ปลูกมัน จากการสอบถามย้อนไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พบว่ามีการขุดหรือกระเทาะชั้นหินออก จนกระทั่งมีเห็น เป็นวัตถุคล้ายฟอสซิลหรือโครงกระดูก ถึงได้มีการถ่ายรูปและโพสต์ลงไปในโซเชียล โดยคาดการณ์กันว่ามีลักษณะคล้ายกับฟอสซิลไดโนเสาร์ หรืออาจจะเป็นไดโนเสาร์ประเภทเดียวกับที่พบเจอในพื้นที่รอยต่อใกล้เคียงกันในพื้นที่อำเภอหนองบัวระเหว

ซึ่งจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่สำนักงาน ทรัพยากรธรณีเขต 2 จังหวัดขอนแก่น ตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่าชิ้นส่วนดังกล่าวไม่ใช่ไดโนเสาร์ แต่ยืนยันได้ว่าเป็นสัตว์ร่วมสมัยและมีอายุมากกว่า 100 ล้านปี

ด้านคุณ​ศศอร ขันสุภา เจ้าหน้าที่​สำนักธรณีวิทยา​ชำณาญการ​พิเศษ​ สำนักงานทรัพยากรธรณีวิทยา​ เขต 2 จ.ขอนแก่น สังกัดกรมทรัพยากรธรณี เผยว่าจากการลงพื้นหลังได้รับทราบว่ามีผู้พบเห็นวัตถุคล้ายกระดูกสัตว์โบราณ หรือ ฟอสซิล เพิ่มเติมในวันนี้จากการสำรวจพบว่ามีชิ้นส่วนสำคัญ ที่อาจจะถูกคนเข้ามาขุดนำออกไป จากจุดดังกล่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากเจ้าของพื้นที่ว่าก่อนหน้านี้มีชิ้นส่วนหนึ่งที่นูนออกมา และมีการกะเทาะหินและได้หายไปจากจุดที่พบ ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้นำออกไป และนำไปทำอะไร ซึ่งจากการสันนิษฐานว่าผู้ที่เอาไปน่าจะเอาไปทำเป็นเครื่องรางของขลัง ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่เองก็อยากที่จะประชาสัมพันธ์ว่า ชิ้นส่วนที่พบไม่ใช่เครื่องรางของขลังแต่อย่างใด และไม่ใช่วัตถุมงคล ซึ่งถ้าหากนำกลับมาเพื่อให้เข้ากระบวนการพิสูจน์ ก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อการสำรวจทางด้านธรณีวิทยาบ่งบอกถึง ความอุดมสมบูรณ์ความเป็นมาของพื้นที่ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและ พื้นที่ในหลายๆด้าน

โดยหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณีวิทยาเขต 2 จังหวัดขอนแก่น สังกัดกรมทรัพยากร จะต้องมอบให้พื้นที่ หรือ อบต.ท่ากูบ ได้เป็นผู้ดูแลและดำเนินการขออนุญาตปิดพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และจะได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ลงมาทำการสำรวจในพื้นที่บริเวณนี้ ส่วนวัตถุที่พบในวันนี้จะมีการเก็บตัวอย่างกลับไปที่สำนักงาน เพื่อส่งต่อให้ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมจึงจะสามารถยืนยันได้ว่า วัตถุที่พบในครั้งนี้เป็นสัตว์ประเภทใด อยู่ในยุคไหนและมีอายุในช่วงใดต่อไป.

ภาพ/ข่าว มัฆวาน วรรณกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ชัยภูมิ

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น