“รังสิมันต์ โรม” แจงโฆษกศาล อ้างได้รับหมายเรียก คดีป่ารอยต่อ แค่ฉบับเดียว

"รังสิมันต์ โรม" แจงโฆษกศาล อ้างได้รับหมายเรียก คดีป่ารอยต่อ แค่ฉบับเดียว

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตอบโฆษกศาลยุติธรรม กรณีออกหมายจับคดีป่ารอยต่อ ตามที่คุณสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงกรณีที่ผมได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการออกหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชัน ในคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ แจ้งความผมฐานหมิ่นประมาท โดยอ้างว่ามีการออกหมายเรียกผมหลายครั้ง และกระทำส่อไปในทางบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยๆ เพื่อไม่มาตามหมายเรียก จึงต้องออกหมายจับนั้น ผมขอชี้แจงดังนี้

จากคำชี้แจงของคุณสรวิศ ได้กล่าวว่ามีการออกหมายเรียกผม (ที่เป็นหมายเรียกที่ไม่ได้ออกในระหว่างสมัยประชุมสภา) 3 ฉบับ คือ
1. ฉบับที่นัดให้ผมไปพบตำรวจในวันที่ 15 ตุลาคม 2564
2. ฉบับที่นัดให้ผมไปพบตำรวจในวันที่ 26 ตุลาคม 2564
3. ฉบับที่นัดให้ผมไปพบตำรวจในวันที่ 11 มีนาคม 2564

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผมขอชี้แจงว่าในบรรดาหมายเรียกทั้งหมดที่คุณสรวิศอ้างถึงนั้น มีเพียงหมายเรียกฉบับที่ 3 เท่านั้นที่ผมได้รับเอกสารจริงๆ ส่วนหมายเรียก 2 ฉบับแรกนั้นไม่เคยมาถูกส่งมาถึงมือผมเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหมายเรียกนั้นไม่เคยมีออกมาแต่แรก หรือได้ออกมาแล้วแต่ส่งมาไม่ถึงที่อยู่ของผม หรือจงใจไม่ส่งมาที่ที่อยู่ของผมกันแน่ ส่วนที่ว่ามีการนัดและขอเลื่อนนัดกันนั้นก็เกิดจากการโทรศัพท์ติดต่อกันปากเปล่ามาที่ทนายความของผมทั้งสิ้น ซึ่งทางผมก็ได้แจ้งเหตุภารกิจของผู้แทนราษฎรในการขอเลื่อนนัดพบไปตามกระบวนการขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้แม้กระทั่งทางศาลอาญาตลิ่งชันก็ยังยอมรับในเหตุขัดข้องที่ผมได้แจ้งไป จึงได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องขอออกหมายจับผมที่ทางตำรวจยื่นมาในครั้งแรก (ข้อเท็จจริงเรื่องการยกคำร้องของศาลนั้นคุณสรวิศได้ชี้แจงไว้เอง)

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จึงเหลือเพียงประเด็นหมายเรียกครั้งล่าสุดที่ให้ผมไปพบตำรวจในวันที่ 11 มีนาคม 2565 ซึ่งคุณสรวิศกล่าวว่าผมได้แจ้งเหตุขัดข้องว่ามีการประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่เมื่อตรวจสอบในเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการฯ แล้วไม่พบว่ามีการประชุมนัดประชุมในวันดังกล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผมขอชี้แจงว่าการประชุมดังกล่าวคือการประชุมของ “คณะทำงาน” ที่ถูกตั้งด้วยคำสั่งโดยชอบของประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน คณะทำงานที่ว่านี้ไม่ใช่ตัวของคณะกรรมาธิการเอง และไม่ใช่อนุกรรมาธิการ ดังนั้นจึงไม่ได้มีการลงนัดประชุมไว้ในเว็บไซต์ โดยคณะทำงานชุดนี้ทำหน้าที่ในการศึกษาเกี่ยวกับการบิดเบือนกฎหมายของเจ้าพนักงานในตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เพื่อทำรายงานส่งคณะกรรมาธิการฯ ชุดใหญ่ต่อไป โดยมีประธานคือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และผมเป็นรองประธาน มีการประชุมในทุกวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ผมก็ได้เข้าประชุมด้วย จึงเป็นเหตุให้ต้องขอเลื่อนการนัดพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้แจ้งไป ซึ่งถ้าหากศาลเห็นว่าคณะทำงานดังกล่าวไม่เหมือนกันกับคณะกรรมาธิการ ก็ยังสามารถให้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ได้ ทว่าก็เลือกอนุมัติให้ออกหมายจับในที่สุด

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สรุปแล้วในบรรดาหมายจับทั้งหมดที่คุณสรวิศอ้างถึง มีเพียงหมายจับฉบับสุดท้ายเท่านั้นถึงผมได้รับแล้วอย่างถูกต้องเพียงฉบับเดียว ซึ่งทางผมก็ได้แจ้งกลับไปแล้วว่าจะขอเลื่อนนัดมาเข้าพบตำรวจเป็นวันที่ 31 มีนาคม 2565 พร้อมเอกสารประกอบยืนยันข้อเท็จจริง เช่นนี้แล้วทางตำรวจมีเหตุอะไรอีกที่จะมาออกหมายจับผมได้ และถึงที่สุดกับคดีหมิ่นประมาทที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ผมในฐานะ ส.ส. ไม่มีความจำเป็นต้องมาหลบหนีคดีพรรค์นี้เลย หากทางตำรวจตอบรับการเลื่อนนัดของผมไปเป็นวันที่ 31 มีนาคม ก็ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้ทำสำนวนก่อนจะเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง และในเมื่อทางตำรวจยังดันทุรังจะออกหมายจับผมเพื่อเอามาฟ้องอัยการให้ได้ ผมก็ยังมาพบเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมไม่หนี แต่แล้วสุดท้ายกลายเป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเองที่ทำสำนวนไม่เรียบร้อย ทำให้ผมต้องเสียเวลาเปล่าๆ

 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในความวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องหมายเรียกหมายจับของผมทั้งหมดนี้ อันที่จริงทางศาลจะเรียกผมไปพูดคุยก็ได้ว่าจะหลบหนีจริงหรือไม่? ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหมายจับแต่ละหมายเป็นอย่างไร? ทว่าที่ผ่านมาศาลก็ไม่เคยได้มาสอบถามผมในเรื่องนี้มาก่อนเลย ซึ่งการที่ในรอบนี้ทางโฆษกศาลออกมาชี้แจงบ้างก็นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าทางตำรวจให้ข้อมูลอะไรกับทางศาลไปบ้าง ผมเองก็เพิ่งรู้เช่นกันว่าทางตำรวจเคยได้เอาเหตุเรื่องหมายจับ 2 ฉบับในเดือนตุลาคม 2564 ที่ไม่เคยมาถึงมือผมไปอ้างใช้ในการออกหมายจับมาก่อนด้วย และอยากฝากทางศาลยุติธรรมกลับไปตรวจสอบทางตำรวจด้วยเช่นกันว่าได้จัดการเรื่องการส่งหมายกันอย่างไร จึงได้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผมขอยืนยันว่าผมยินดีให้ความร่วมมือกับทางศาลเพื่อให้ข้อมูลถึงสิ่งที่ผมได้รับการปฏิบัติจากทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกรณีของผมไม่ใช่กรณีแรก แต่ยังมีประชาชนคนตัวเล็กๆ ที่จะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้อีกมากมาย ผมหวังว่าประสบการณ์ที่ผมได้รับจะช่วยเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการยุติธรรมของไทยให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป หากโฆษกศาลยุติธรรม คุณสรวิศ ลิมปรังษี ประสงค์จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผมในเรื่องนี้ สามารถติดต่อมาได้ทุกเมื่อครับ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ว้าแดง”เหิมหนัก! สั่งคนไทยห้ามเก็บของป่า ชาวบ้านผวา-ซ้อมอพยพถี่ยิบ
เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น