ขณะนี้ ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.)สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนาม ในหนังสือ ที่ สผ.0019.05/2696 เรื่องการเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ในพื้นที่โรงโม่หิน สัมปทานกองทัพเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในวันจันทร์ และวันอังคาร ที่ 28-29 มีนาคม 2565เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนการทำสัมปทานผลิตหิน และจำหน่ายหินของกองทัพเรือ โดยได้มอบหมายให้ นายจารึก ศรีอ่อน รองประธานคณะกรราธิการฯ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง รองประธานฯ นายวิทยา ทรงคำ ที่ปรึกษาฯ นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกฯ นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เลขานุการฯ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ที่ปรึกษาส่วนตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พร้อมทั้งนักวิชาการ ที่ปรึกษาประจำคณะ ข้าราชการสำนักงานเลขานุการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับการลงพื้นที่ในวันที่ 28 มีนาคม 2565 ได้เชิญ พล.ร.ท.นฤพล เกิดนาค ผู้บัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ พล.ร.ท.ประสาทพร สาทรกิจ ผู้จัดการกิจการหิน สัมปทานกองทัพเรือ อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี นายกเทศมนตรีเขตอุดมศักดิ์ และผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อร่วมรับฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการ และขั้นตอนการทำสัมปทานผลิต และจำหน่ายหินของกองทัพเรือ ส่วนในวันที่ 29 มี.ค. หลังจากได้ลงพื้นที่จริงโรงโม่หิน สัมปทานกองทัพเรือในวันที่ 28 มี.ค. แล้ว
ทางคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชลบุรี เพื่อรับฟังข้อเท็จจริง พร้อมสรุป จึงได้เชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ผู้จัดการกิจการหิน อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน นายกเทศมนตรีเขตอุดมศักดิ์ และ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีโรงโม่หิน สัมปทานกองทัพเรือทั้งหมดที่เกิดขึ้น สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโรงโม่หิน สัมปทานกองทัพเรือ ในครั้งนี้ ได้สืบเนื่องมาจาก ทางคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน ได้รับการร้องเรียนว่า บริษัท อัครโชติภูมิ จำกัด เข้ามาผลิตหินแทน บริษัท ถาวรวิศวะ2001 จำกัด นั้นได้เพราะการเอื้อประโยชน์ โดยมี
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ และพี่เขย คือ นายไพโรจน์ มาลากุล ณ อยุธยา นายกเทศมนตรีเทศบาลเขตอุดมศักดิ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาบริษัทฯ และกล่าวหาว่า บริษัทนี้ไม่มีศักยภาพ ไม่มีเงินลงทุน ติดหนี้กองทัพเรือ และมีการทุจริตดิน นำดินออกไปจำหน่าย ซึ่งทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในส่วนของกองทัพเรือไปสอบหาข้อเท็จจริงปรากฏว่าไม่ตรงกับข้อร้องเรียน และได้เชิญ นายรัฐศาสตร์ ผ่องแผ้ว ประธานบริษัท อัครโชติภูมิ จำกัด ไปสอบปากคำ พร้อมหลักฐานทั้งหมดมายืนยันเพื่อหักล้างกับข้อร้องเรียน ปรากฏว่า การชี้แจ้งก่อให้เกิดข้อเท็จจริงหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตดิน เพราะหลักฐานการเปลี่ยนแปลข้อสัญญาจากที่ไว้กับบริษัท ถาวรวิศว 2001 จำกัด ก็คือ เดิมการผลิตหิน และมูลดิน ได้แยกจากกัน เรื่องการบริหารจัดการมูลดินให้ “ผู้ว่าจ้าง”ก็คือกองทัพเรือ (กิจการหิน ฐานทัพเรือสัตหีบ)เป็นผู้ดำเนินการ แต่สัญญาที่ทำไว้กับ บริษัท อัครโชติภูมิ จำกัด ได้เปลี่ยนข้อสัญญาข้อนี้ว่า ให้ “ผู้รับจ้าง” เนินการทั้งหมด
เรื่องการถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตมูลดิน จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ คณะ กมธ.ป.ป.ช. ให้ความสนใจ และตรวจพบแล้วว่า รายได้จากากรจำหน่วยมูลดินตั้งแต่ พ.ศ.2533 กิจการหิน ฐานทัพเรือสัตหีบ ไม่เคยนำรายได้ส่งเข้าในระบบสวัสดิการ กองทัพเรือ และพบอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะความรับผิดชอบเรื่องที่ดิน ส่งผลให้ต้องมีการตรวจสอบและหาข้อเท็จจริง เพราะ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้สรุปมาแล้วว่า กองทัพเรือไม่สามารถประกอบกิจการเหมืองหินได้ เพราะไม่ใช่ภารกิจของกองทัพ และได้กระทำความผิดวินัยการเงินมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานเหมืองแร่ได้ตอบหนังสือมาให้กองทัพเรือทราบแล้วว่า ไม่สามารถต่ออายุประทานบัตรได้ เพราะผิดเงื่อนไืขของ พ.ร.บ.แร่ 2560
ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจ ภาคตะวันออก
