เร่งสืบข้อเท็จจริง 4 ตร. มีเอี่ยวแก๊งอุ้มรีดเงิน 4 แสนสาวเล่นพนันเว็บ

ความคืบหน้ากรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งได้เงินจากการเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็ปมาจำนวน 2ล้านบาท ก่อนจะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ บุกรีดเงินจำนวน4 แสนบาท พร้อมพระเครื่อง โดยเหตุเกิดช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมของตำรวจมีส่วนเชื่อมโยงกับเว็ปพนันหรือไม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 4 คนพบเป็นตำรวจจริง พร้อมสั่งสอบข้อเท็จจริง หากผิดต้องให้ออกจากราชการทันที ติดตามจากรายงาน

กรณีทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์โซเชียลเผยเรื่องราวของผู้เสียหายรายหนึ่ง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบอ้างตัวเป็นตำรวจไซเบอร์ ขอตรวจค้นในบ้านพักพร้อมกับข่มขู่ รีดเงินจำนวน 4 แสนบาท หลังเธอเล่นพนันผ่านเว็ปพนันออนไลน์ ก่อนเว็บดังกล่าวจะทำการ บล็อคยูสเซอร์ของผู้เล่นทำให้ไม่สามารถกลับเข้าไปเล่นได้อีก

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หลังผู้เสียหายเล่นเล่นบาคาร่าผ่านโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง ได้เงินมาเกือบ2 ล้านบาท จากนั้นวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมาก็มีชายฉกรรจ์ จำนวน15 คน หนึ่งในนั้นมี 2 อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้บุกเข้ามาที่บ้านของผู้เสียหายย่านบางนา และกระทำการข่มขู่จนผู้เสียหายต้องไปกดเงินในบัญชีมามอบให้กลุ่มชายฉกรรจ์ ทั้งนี้ทนายษิทรา กล่าวว่า หาก 2 ชายฉกรรจ์ เป็นตำรวจจริงต้องถูกพักราชการ ตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุทั้ง15 คนก็จะต้องถูกดำเนินคดีปล้นทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขืนใจ

ด้านพล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เผยว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมจะเร่งนำตัวคนกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งผู้เสียหายยืนยันสถานที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หากปรากฏพบเป็นเจ้าหน้าที่จริงจะสั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด หรือให้ลงโทษ ไล่ออกจากทางราชการ

เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ทำเสียขวัญกำลังใจ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติดี และ หากเป็นกลุ่มคน ที่มิใช่เป็นเจ้าหน้าที่จริงตามที่กล่าวอ้าง ก็เร่งติดตามมาดำเนินกฎหมายโดยเร็ว พร้อมกำชับการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด ดำเนินด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้กำชับหน่วยงานในสังกัดทุกภาคส่วนมาโดยตลอด ในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้อำนาจหน้าที่ที่ได้รับตามกฎหมายทำงานด้วยความสุจริต ยุติธรรม เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่เป็นโจร ใช้อำนาจหน้าที่ข่มเหงรังแกประชาชน หรือ ใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ เรียกรับผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์อื่นใด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ในการทำงานของตำรวจไซเบอร์ที่เป็นตำรวจยุคใหม่ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

จากการตรวจสอบพบทั้ง4 คนเป็นตำรวจจริง โดยสองคนอยู่สังกัดกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอีกสองคนสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่ทั้งหมดยังคงให้การปฎิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

เบื้องต้น ได้สั่งให้ออกจากราชการ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากพบเป็นบุคคลที่ก่อเหตุจริง จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีความผิดต้องออกจากราชการ พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาอย่างถึงที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ณเดชน์-เบลล่า" ขึ้นแท่นดาราแห่งปี "หมูเด้ง" ข่าวเด่นแห่งปีของจริงกลบทุกกระแส
เซเว่นฯ เดินหน้านโยบาย “2 ลด ลดพลาสติก ลดพลังงาน" เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชม. เชิญชวนคนไทย ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
“ภูมิธรรม”คาด 4 ลูกเรือไทยได้รับการปล่อยตัว 4 ม.ค. นี้ ยืนยันกลาโหม-กองทัพไม่ได้อ่อนแอ
ฮาร์บินเปิด ‘สวนสนุกน้ำแข็ง-หิมะ’ จีนใหญ่สุดในโลก
ทรัมป์เสนอยูเครนสละดินแดนเพื่อยุติสงคราม
โฆษกกห. ยัน ไม่ได้ปิดด่านชายแดนจังหวัดตาก แค่สกัดโรค อุดช่องทางธรรมชาติ
“พิพัฒน์” ลุยปฏิรูป “ก.แรงงาน” ก้าวใหม่สู่ยุค AI สร้างทักษะพัฒนาฝีมือ ดูแลสวัสดิการทุกมิติ
"สรรเพชญ" พร้อมกลุ่มสส.ร่วม "ชวน-บัญญัติ" ส่งหนังสือเร่งรัฐ เยียวยาน้ำท่วมทำใต้วิปโยค
“ทักษิณ” อวย ฉายา “แพทองโพย” เก่งกว่าพ่อนั่งนายกฯ ฟุ้งคนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด
“อนุทิน” น้อมรับฉายา “ภูมิใจขวาง” ลั่นไม่ได้คิดขวางใคร ชื่นชม “นายกฯ” ตั้งใจทำงาน หลังถูกมองเป็นรบ. (พ่อ) เลี้ยง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น