รวบแรงงานพม่ารอเข้ามาเลเซีย 40 คน

รวบแรงงานพม่ารอข้ามมาเลเซีย 40 คน

วันที่ 6 เม.ย. 2565  ทหารกองกำลังเทพสตรี โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่5 ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา และ ตำรวจสภ.สะเดา สนธิกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 40 คน   แยกเป็นชาย 31 คน หญิง 9 คน ระหว่างที่ถูกขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติพามาซ่อนไว้บริเวณป่าสวนยางพารา ชายแดนไทย-มาเลเซีย ม.2 บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา  จากการสอบถามผ่านล่ามทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง ยะไข่ ทวาย และ เมืองซิน ของประเทศเมียนมา และถูกนายหน้าฝั่งเมียนมานัดมารวมตัวกันที่เกาะสองประเทศเมียนมา และข้ามน้ำลักลอบเข้ามาทางจ.ระนอง ตั้งแต่วันที่31 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกพาเดินทางต่อมาถึงชายแดนไทยมาเลเซียเมื่อช่วง 4 ทุ่มเมื่อคืนนี้ เพื่อเดินทางข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียปลายทางจะไปทำงานอยู่ที่รัฐปีนัง  โดยเดินทางมากับรถยนต์กระบะ 3 คัน มีคนไทยเป็นคนขับ และพามาส่งที่ริมรั้วชายแดนไทยมาเลเซีย และมีคนนำพาซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาด้วยกัน 3คนมารับ แต่ขณะเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมทั้งสามคนได้วิ่งหลบหนีไปได้ทิ้งชาวเมียนมาร์ทั้ง40คนเอาไว้


สำหรับการเดินทางเข้ามาแต่ละคนต้องจ่ายค่านายหน้าจำนวน 3ล้านจ๊าด หรือ คิดเป็นเงินไทยจำนวน 60,000บาทต่อคน โดยต้องจ่ายค่านายหน้าที่เกาะสอง ครึ่งหนึ่ง หรือ ประมาณ 30,000บาท และเมื่อเดินทางไปถึงมาเลเซียต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง หากรายใดไม่มีเงินจ่าย ก็จะถูกนำไปขัง ไม่ให้ทำงานจนกว่าจะหาเงินมาจ่ายได้


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ไปยัง สภ.สะเดาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสะเดาตรวจคัดกรองโควิด19 และจะทำการสอบสวนคัดแยกว่ามีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์รวมอยู่ด้วยหรือไม่เพื่อแยกตัวออกมาให้การช่วยเหลือ ส่วนผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองก็จะแยกดำเนินการในดคีหนีเข้าเมืองทั้งเปรียบเทียบปรับและผลักดันกลับประเทศต่อไป  สำหรับสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาซึ่งยังคงมีอย่างต่อเนื่องทั้งที่เข้ามาทางชายแดนจ.ระนองและชายแดนจ.กาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะมาถูกจับกุมที่ปลายทางจ.สงขลา ก่อนที่จะลักลอบเดินทางเข้าไปประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศปลายทาง แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะสั่งกวาดล้างตั้งแต่ต้นทางและปลายทางแต่ก็ยังคงมีการขนเข้ามาอย่างต่อเนื่องและต้องเสียค่าใช้จ่ายการเดินทางให้กับนายหน้าสูงขึ้นจากที่ประมาณคนละ 25,000 บาทแต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นสองเท่าตัวกว่า 60,000 บาทเพราะเจ้าหน้าที่เข้มงวดมากขึ้น

นภาลัย ชูศรี /จ.สงขลา

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“ธนกร” แนะรัฐบาลฉวยโอกาสอีเว้นท์ใหญ่ช่วงเปิด “สมรสเท่าเทียม” ดึงนทท.ทั่วโลก
"มาริษ" เผย ตปท.ชื่นชมไทย "สมรสเท่าเทียม" มีผลบังคับใช้แล้ว
"เศรษฐา" ยินดี 23 ม.ค. "สมรสเท่าเทียม" เกิดขึ้นจริงด้วยพลังของทุกคน 
“ไทด์” สุดสงสาร “แตงโม” ไม่ได้โดนแค่กรีดขา แต่โดนเจาะน่อง-มันทะลัก
"พิชัย" โชว์วิชั่นเวที WEF ดาวอส ประกาศศักยภาพไทย พร้อมเปลี่ยนสู่ยุคศก.ดิจิทัล โลก AI
งานเข้า! "ตำรวจไซเบอร์" ชี้ล่าเหรียญ "Jagat" ฟันผิดกฎหมาย พบ 3 บัญชีโอนเงินผู้เล่นจริง จ่อเรียกสอบ
ฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานยังคลุมทั่ว กทม. พื้นที่สีแดง 14 เขต
บึ้มสนั่นกลางดึก ชาร์จรถ 3 ล้อไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าลัดวงจรลามไหม้ร้านของชำ หวิดวอดทั้งหลัง
กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย เตือนภาคใต้มีฝนตกบางแห่ง
"กรมโยธาฯ" จับมือ "คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล" ลงนาม MOU ช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการบริจาคโลหิต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น