ข่าวที่น่าสนใจ
สืบเนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการแชร์ข้อมูลในโลกออนไลน์ว่า การฉีดวัคซีนโควิด 3 หรือ 4 เข็ม ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ขณะที่การป้องกันอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตก็เริ่มเป็นที่สงสัย เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่มากเกินไปภูมิคุ้มกันที่ได้อาจเป็นภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกาย อาจกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้าข้างกับไวรัส ซึ่งเรื่องราวนี้ก็ทำให้เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 5 องค์กรวิชาชีพแพทย์ ออกประกาศหนุนฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น แม้จะไม่สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้ 100% แต่มีข้อมูลทั้งจากการทดลอง และการศึกษาวิจัยพบว่าการให้วัคซีนเข็นกระตุ้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโควิด ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และที่สำคัญสามารถลดการนอนโรงพยาบาล การเกิดปอดอักเสบ การนอนในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก การใช้เครื่องช่วยหายใจ และการเสียชีวิต ได้ดีกว่าการรับเพียง 2 เข็มมาก
และล่าสุดนี้ (6 เมษายน 2565) เพจเฟซบุ๊ก ไทยรู้สู้โควิด ก็ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า กรมวิทย์ฯ ยันข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่พบภาวะเวียด (VAED) ส่งเสริมให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกายจนเกิดอาการรุนแรง เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจงหลังมีการส่งต่อในโลกออน์ไลน์ประเด็น ภูมิคุ้มกัน เข้าข้างไวรัส ว่า ปกติก่อนที่ผู้ผลิตวัคซีนจะขอขึ้นทะเบียนวัคซีนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะต้องมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่าอาสาสมัครที่รับวัคซีน จะต้องไม่มีภาวะส่งเสริมให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกาย จนเกิดอาการรุนแรงเมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Vaccine-associated enhanced disease (VAED) นักวิชาการเรียกว่า ภาวะเวียด ซึ่งผู้ผลิตจะต้องถูกหน่วยงานที่ควบคุมกำกับตรวจสอบถี่ถ้วน จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ยังไม่พบภาวะเวียดที่ส่งเสริมให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกายจนเกิดอาการรุนแรง เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ภายหลังการรับวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะ 1 เข็ม 2 เข็ม และ 3 เข็ม ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
