“ผู้ว่าฯโคราช” ออก 6 กฎเหล็ก คุมเข้มสงกรานต์ ป้องกันโควิด

"ผู้ว่าฯโคราช" ออก 6 กฎเหล็ก คุมเข้มสงกรานต์ ป้องกันโควิด

วันนี้ (6 เมษายน 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงนามในคำสั่งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ช่วงเทศกาลสงกรานต์สำหรับจังหวัดนครราชสีมา โดยกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อร้ายแรง 6 ข้อ ได้แก่

1.ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง การรวมกลุ่มไม่เกิน 500 คน สำหรับพื้นที่ควบคมทุกอำเภอ ยกเว้น อ.เมือง อ.ปากช่อง อ.สีคิ้ว อ.วังน้ำเขียว อ.พิมาย อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.โชคชัย สามารถกระทำได้โดยขออนุญาตพร้อมเสนอมาตรการป้องกันโรคต่อศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (ศปก.) ในพื้นที่รับผิดชอบ

2.กิจกรรมการรวมกลุ่มของบุคคลที่ได้รับการยกเว้น เช่น กิจกรรมเกี่ยวกับการขนส่ง หรือขนย้ายประชาชน กิจกรรมเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล กิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลปกติในที่พักอาศัย ให้สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่แนะนำว่ามีความเสี่ยงก็สามารถสั่งยุติได้ตามอำนาจ

3.มาตรการควบคุมแบบบูรณาการเฉพาะการรองรับเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนที่จะเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิสำเนาเดิมควรได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด ชุดตรวจ ATK เป็นระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

การจัดกิจกรรมตามวัฒนธรรมประเพณี เช่น การสรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว การละเล่นตามประเพณี การแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ขบวนแห่ สามารถกระทำได้และให้งดการสาดน้ำ โดยให้จัดกิจกรรมได้ระหว่างเวลา 06.00-18.00 น. ห้ามการเล่นน้ำ การสาดน้ำ การเล่นประแป้ง ปาร์ตี้โฟม หรือกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค ในพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรม

 

ข่าวที่น่าสนใจ

4.มาตรการตามคำสั่งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 – 20 เมษายน 2565

5.สำหรับพื้นที่ควบคุม และพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามคำสั่งจังหวัดนครราชสีมา 874/2565 ลงวันที่ 22 มกราคม 2565 และคำสั่งจังหวัด ที่ 875/2565 ลงวันที่ 22 มกราคม 2565 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดแย้งกับคำสั่งนี้

6.การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติ โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ เป็นความผิดตามมาตรา 52 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี รวมทั้งเป็นความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราบกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เซเว่นฯ เดินหน้านโยบาย “2 ลด ลดพลาสติก ลดพลังงาน" เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชม. เชิญชวนคนไทย ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
“ภูมิธรรม”คาด 4 ลูกเรือไทยได้รับการปล่อยตัว 4 ม.ค. นี้ ยืนยันกลาโหม-กองทัพไม่ได้อ่อนแอ
ฮาร์บินเปิด ‘สวนสนุกน้ำแข็ง-หิมะ’ จีนใหญ่สุดในโลก
ทรัมป์เสนอยูเครนสละดินแดนเพื่อยุติสงคราม
โฆษกกห. ยัน ไม่ได้ปิดด่านชายแดนจังหวัดตาก แค่สกัดโรค อุดช่องทางธรรมชาติ
“พิพัฒน์” ลุยปฏิรูป “ก.แรงงาน” ก้าวใหม่สู่ยุค AI สร้างทักษะพัฒนาฝีมือ ดูแลสวัสดิการทุกมิติ
"สรรเพชญ" พร้อมกลุ่มสส.ร่วม "ชวน-บัญญัติ" ส่งหนังสือเร่งรัฐ เยียวยาน้ำท่วมทำใต้วิปโยค
“ทักษิณ” อวย ฉายา “แพทองโพย” เก่งกว่าพ่อนั่งนายกฯ ฟุ้งคนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด
“อนุทิน” น้อมรับฉายา “ภูมิใจขวาง” ลั่นไม่ได้คิดขวางใคร ชื่นชม “นายกฯ” ตั้งใจทำงาน หลังถูกมองเป็นรบ. (พ่อ) เลี้ยง
“รทสช.” เคลื่อนไหว หลังสื่อทำเนียบฯตั้งฉายา “พีระพันธุ์” Fc แห่คอมเมนต์ให้กำลังใจ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น