“Omicron” XE โควิด-19 อาจไม่ได้แพร่เร็วอย่างที่กังวลกัน

Omicron

"Omicron" XE อาจคลายความกังวลได้ เมื่อ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล เผย อาจไม่ได้แพร่เร็วอย่างที่กังวลกัน

“Omicron” XE โควิด-19 สายพันธุ์ Omicron (โอมิครอน หรือ โอไมครอน) สืบเนื่องจากก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE พบการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนต่างเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่ล่าสุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อัปเดตว่า อาจจะไม่ได้แพร่ติดต่อรวดเร็วอย่างที่เรากังวลกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่ TOP News

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“Omicron” XE โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ของ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์อัปเดตเรื่องราวเกี่ยวกับ โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE ว่า รหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสลูกผสม โอไมครอน XE ที่พบในประเทศไทย

โอไมครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE เกิดจากการผสมจีโนมของสายพันธุ์ย่อย BA.1 และ BA.2 รวมกันในสัดส่วนประมาณ 35:65% ซึ่งทาง WHO ได้แจ้งเตือนให้ทุกประเทศช่วยกันจับตาเฝ้าระวัง เนื่องจากพบการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ประมาณ 10% และ รวดเร็วกว่าโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ประมาณ 43% ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะสรุปถึงความรุนแรงในการก่อโรคโควิด-19

ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้ตรวจพบสายพันธุ์ลูกผสม โอไมครอน XE จาก สวอป ส่งตรวจจากผู้ติดเชื้อในกลุ่มสีเขียว ซึ่งมีอาการเพียงเล็กน้อย ปัจจุบันหายดีแล้ว และหลังจากแพทย์ผู้รักษาได้รับการแจ้งถึงสายพันธุ์ไวรัสของผู้ติดเชื้อรายนี้ ทาง โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่พบการระบาดจากผู้ติดเชื้อรายนี้ (index case) ไปยังผู้ใกล้ชิดแต่อย่างใด ด้วยการตรวจด้วย ATK ทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ถอดรหัสพันุกรรมประมาณ 30,000 ตำแหน่ง (base) ของไวรัสตัวนี้และแชร์ไปยังฐานข้อมูลโควิดโลก GISAID เป็นที่เรียบร้อยโดยได้รับลำดับหมายเลขในการสืบค้นคือ ‘EPI_ISL_11720091’ (ภาพ 1)

Omicron

เมื่อใช้โปรแกรม Nextclade v1.14.0 (https://clades.nextstrain.org/) ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยกำหนดสายพันธุ์ กำหนดตำแหน่งการกลายพันธุ์ และแสดงคุณภาพของรหัสพันธุกรรมที่ถอดรหัสได้ (Clade assignment, mutation calling, and sequence quality checks) เข้ามาสร้าง ต้นไม้วิวัฒนาการชาติพันธุ์ (phylogenetic tree) ร่วมกับไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์หลัก สายพันธุ์ย่อย และบรรดาสายพันธุ์ลูกผสมจากทั่วโลก พบว่าไวรัสตัวนี้มีรหัสพันธุกรรมจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสเป็นลูกผสม โอไมครอน XE (ภาพ 2)

Omicron

องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาแจ้งเตือนประชาคมโลกถึงการอุบัติขึ้นของสายพันธุ์ลูกผสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ลูกผสม โอไมครอน XE ที่ก่อให้เกิดความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการกลายพันธุ์แบบก้าวกระโดด ซึ่งอาจส่งผลต่อ
  1. การระบาดของสายพันธุ์ลูกผสม “โอไมครอน XE” ที่อาจเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ย่อยโอมิครอน BA.2 ในอนาคตอันใกล้
  2. การตรวจกรองด้วย ATK หรือ PCR ที่อาจไม่ถูกต้อง
  3. การป้องกันการติดเชื้อด้วยวัคซีนที่อาจด้อยประสิทธิภาพลง
  4. การรักษาด้วยยาต้านไวรัสและโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอนติบอดีสังเคราะห์ที่อาจลดประสิทธิภาพหรือไม่ได้ผล
  5. ผลกระทบต่ออาการ ลองโควิด (ภาพ 3)

Omicron

สายพันธุ์ลูกผสม โอไมครอน XE พบแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศอังกฤษตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งจีโนมของประเทศอังกฤษ (ร้อยละ 20 จากตัวอย่างที่ตรวจ PCR ให้ผลเป็นบวก) พบโอไมครอน XE ประมาณ 600 รายเมื่อต้นเดือนมกราคม 2565 และปลายเดือนมีนาคม 2565 เพิ่มเป็น 736 ราย อันแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่าสายพันธุ์ลูกผสม โอไมครอน XE อาจจะไม่ได้แพร่ติดต่อรวดเร็วอย่างที่เรากังวลกัน
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดีได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), มูลนิธิรามาธิบดี, Wellcome Trust (องค์กรการกุศลด้านการวิจัยชีวการแพทย์ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ) และ มูลนิธิ เอดส์ เฮลท์ แคร์/เอเอชเอฟ (องค์กรระหว่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา) ให้ทำการศึกษาธรรมชาติการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันเพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้ประโยชน์ในการดูแล ป้องกัน และรักษาโรคโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แก่ประชาชนผ่านสื่อสารมวลชนเพื่อปรับเปลี่ยน ความตื่นตระหนก ให้เป็น ความตระหนัก ให้ประชาชนไทยได้รับทราบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อการระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มเข้าสู่ภาวะของ โรคประจำถิ่น ที่ระบบสาธารณสุขของประเทศสามารถควบคุมการระบาดได้
Omicron
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Center for Medical Genomics

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นฤมล-ธรรมนัส" ร่วมต้อนรับ "วีระพงษ์" นายกอบจ.มุกดาหาร สมัครสมาชิก พรรคกล้าธรรม มั่นใจอนาคตเลือกตั้งสนามใหญ่
"เสธหิ" พูดกระแทกใจ "อันที่สุดของไทยนั้นคือชาติ หากพินาศแล้วใครอยู่ได้หนอ"
สาวสุดช็อก จองตั๋วเครื่องบินไป จ.สกลนคร ราคาสูงทะลุ 1.4 หมื่นบาท
เกาหลีใต้จ่อเพิ่มการนำเข้าก๊าซ LNG จากสหรัฐ
สิงคโปร์ชี้สหรัฐทำลายระบบการค้าเสรีที่สร้างมากับมือ
เกาหลีใต้ประกาศเลือกตั้ง 3 มิถุนายน
อั้นไว้ก่อน ค่อยเติม พรุ่งนี้น้ำมันลด "เบนซิน-แก๊สโซฮอล์" ทุกชนิด ปรับราคาลง
“ปลัดฯแรงงาน” เผยจ่ายชดเชยลูกจ้างเสียชีวิต “ตึกสตง.ถล่ม” แล้ว กว่า 19 ล้าน พร้อมดูแลสิทธิผู้บาดเจ็บ ว่างงานเต็มที่
“กัน จอมพลัง” พา “คะน้า” ดาราสาว เข้าแจ้งความเอาผิด “ไฮโซเก๊” ตร.ไซเบอร์เตรียมออกหมายเรียกพรุ่งนี้
ทะเลเดือด "ฮูตี" ซัดขีปนาวุธ-โดรนถล่มเรือรบมะกัน 2 ลำโจมตีฐานทหารอิสราเอล

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น