ย้อนคำพูด “เมธี” รำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา 53 รับยิงเฮลิคอปเตอร์ทหาร

ย้อนคำพูด “เมธี” รำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา 53 รับยิงเฮลิคอปเตอร์ทหาร

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ในเพจเฟซบุ๊ก “คุยกับณชิต-เมธี” ได้ปักหมุดโพสต์บทให้สัมภาษณ์ของนายเมธี อมรวุฒิกุล หรือนายณชิต อำนาจเดชานนท์ อดีตดารานักแสดง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2564 โดยนายเมธี กล่าวว่า มีคนถามว่าทำไมตนอยากเลิกเป็นนักแสดง ตนไม่ได้อยากเลิก แต่สาระแนไปปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง โดยขึ้นเวทีครั้งแรกหน้าศาลรัฐธรรมนูญ และมีการถ่ายทอดสด ทำให้ต้นสังกัดแบนงานของตนทันที ซึ่งตนมีความสนใจการเมืองมานาน แต่จุดพลิกผันคือการชุมนุมเมื่อปี 52 ที่สามเหลี่ยมดินแดงมีการนำรถแก๊สเข้ามา วิธีการสู้ไม่ได้สู้แบบลูกผู้ชาย เอารถเข้ามาซ่อนไว้ที่ซ.รางน้ำ ก็รู้สึกว่าเริ่มสนุกแล้ว มีความลึกลับซับซ้อนจึงติดตามมาเป็นระยะ

นายเมธี กล่าวต่อว่า จนกระทั่งการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 ก่อนที่รัฐบาลจะสั่งปิดดาวเทียมที่ไทยคม ตนเห็นว่ามีเสื้อแดงจำนวนหนึ่งไปปิดที่สถานีดาวเทียมไทยคมก็เลยเดินทางไปคนเดียว ซึ่งเหตุการณ์ขณะนั้นผู้ชุนุมยังเข้าไปไม่ได้ ประตูที่โดนทหารกั้นอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 200 เมตร ตนจึงพากลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไป รอจนแกนนำเดินทางมาถึงพร้อมสั่งบุก ตนก็บุกเลยด้วยการพังประตูเข้าไปยึดรถน้ำของเจ้าหน้าที่ที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งตนวิ่งเข้าไปจนถึงพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในตอนนั้นเป็นผบ.ร.11รอ. ซึ่งในคลิปก็เห็นยิงปืนลูกซองอยู่ ตนอยู่กลางวงแก๊สน้ำตาเป็น 10 รอบขาวโพลนเต็มไปหมด ใช้เวลาเคลียร์ปอดครึ่งวัน หายใจแทบไม่ได้

นายเมธี กล่าวอีกว่า หลังจากเหตุการณ์นั้น ตนก็มาเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศต่อในช่วงเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ก็เริ่มส่งสัญญาณสลายการชุมนุมในช่วง17.00 น. มีการทิ้งแก๊สน้ำตาลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ แล้วบังเอิญว่าข้างเวทีมีพัดลงประมาณ 10 ตัว ก็ช่วยเป่าทำให้แก๊สน้ำตาแระจายไปทั่วบริเวณ ตนก็โมโหวิ่งไปหลังเวทีแล้วก็ยิงเฮลิคอปเตอร์ ตนมีลูกน้องคนหนึ่งชื่อ “ไอ้ปลา” ก็โหลดกระสุนใส่

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อให้สัมภาษณ์มาถึงตรงนี้นายเมธีก็บอกว่าจะเอาออกก็เอาออกนะ เพราะคดีหมดอายุความแล้ว ตนพูดได้ พร้อมพูดต่อว่า “ผมก็ยิง” จากนั้นประมาณ 17.00 น. การ์ดนปช.มาหาตนแล้วบอกว่า “พี่เมไปช่วยหน่อย ทางคอกวัวแย่แล้ว เราสู้เขาไม่ได้” ตนก็เดินทางไปคนเดียว ส่วนลูกน้องที่ชื่อปลา ก็หลอกให้ไปเอากระสุน เพราะตนไม่อยากให้ไปด้วย เนื่องจากรับผิดชอบชีวิตคนอื่นไม่ไหว ตนก็ไม่ไปคอกวัว โรงเรียนสตรีวิทยา ไปไม่ถึง 10 นาทีทหารก็กรู่ออกมา มวลชนที่ชุมนุมก็แตกฮือ ช่วงนั้นก็มีการสั่งดันให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารกลับเข้าไปอยู่ในโรงเรียนสตรีวิทยา โดยยืนต่อ 5 นาที นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ก็มาถึง โดยมีพันตำรวจโท ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ยืนปราศรัยอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ทหารเริ่มยิง นายอริสมันต์ก็ประกาศให้หนี จึงเหลือตนกับมวลชนประมาณ 200-300 คน ตรงนั้นก็เริ่มมีการยิงกัน

นายเมธี กล่าวต่อว่า ยุทธวิธีทหาร คือยิงขึ้นฟ้าขู่เราไม่ให้ตาม บางคนก็ยิงแนวระนาบ ในระหว่างนั้นมีเสียงกระสุนปืน คนกรีดร้องอยู่ตลอดเวลา มีเสียงระเบิด ตนก็บุกคลานเข้าไปที่รถสายพานลำเลียง เห็นมีผู้บาดเจ็บถูกยิงที่คอจนเลือดพุ่งออกมา ตนจึงบุกเข้าไปที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ตรงนั้นคือทุ่งสังหาร เฉพาะตรงนั้นตาย 4 คน แต่ในช่องโรงเรียนสตรีวิทยาตาย 10 กว่าคน แล้วตนก็ไปถามเด็กแถวนั้นว่าสไนเปอร์อยู่ตรงไหน เขาบอกว่าอยู่ที่ตึกในโรงเรียนสตรีวิทยา ตนก็มีปืนสั้นอยู่ แต่ก็บอกว่าไม่ได้โงหัวขึ้นมา เพราะมียิงเสียงปืนตลอดเวลา ตนอยู่ประมาณครึ่งชม.เห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรก็ถอยตัวออกมา ตอนนั้นทหารถอยไปหมดแล้ว จนเวลา 21.00 น. ประกาศชัยชนะ พอประกาศทีก็มีเสียงปืน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ บอกว่ามาถึงแล้ว มาตอนจบ เจรจาให้ทหารล่าถอยไปแล้ว ตนยังบอกเลยว่าโกหก ล่าถอยเรื่องอะไร เพราะ “ร่มเกล้า” มันตาย มาเจรจาที่ไหนล่ะ มันโกหก แล้วตนก็เดินไปเวทีก็ไปเจอนายวสันต์ ภู่ทองที่โดยยิงหัว ตนยังไปจับขาแล้วบอกว่าจะแก้แค้นให้

นายเมธี กล่าวว่า หลังจากนั้นตนก็นอนเฝ้าป้อมมหากาฬ นายแรมโบ้ก็มาบอกว่าให้ตนไปประกาศบนเวที ขอบคุณกองกำลังไม่ทราบฝ่ายมาช่วยพวกเรา แกนนำที่อยู่ฝั่งราชประสงค์ไม่ยอมมาฝั่งผ่านฟ้าลีลาศ เลวมาก เมื่อเห็นตนประกาศอย่างนั้นก็สั่งให้นายแรมโบ้ปิดไมโครโฟนไม่ให้ตนพูด ตนจึงกำโพยแล้วขย้ำทิ้ง จากนั้นก็กลับบ้านไปนอน ต่อมาลูกน้องพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ชื่อ “นพ” โทรศัพท์มาหาตนว่าเสธ.แดงอยากคุยด้วย วันนั้นคือวันที่ 11 เม.ย. 53 ตนก็ไปหาเสธ.แดง เพราะอยากรู้ว่าวันที่ตนไปอยู่แถวหน้าสุดบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาเกิดอะไรขึ้น ต่อมาวันที่ 22 เม.ย. 53 ตนก็ถูกจับ ขณะที่เสธ.แดงถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 53

นายเมธี กล่าวอีกว่า จากการที่ได้พูดคุยกับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มสามนิ้ว ทำให้เห็นถึงความตั้งใจ ดังนั้นหลังการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงวันที่ 19 ก.ย. 63 จากนั้นอีก 1 เดือนตนก็ก่อเกิด 2 กองพลขึ้นมา 300 นักรบ และกองพล300 รักษาประชาชนขึ้นจนถึงวันนี้มี 600 คน ก็จะทำคล้ายๆกับที่ตนทำให้เสธ.แดง จะเอามาสอนน้องๆทั้งเรื่องบู๊และบุ๋น ก็จะนำทีมไปสอนเพื่อเดินดูไลน์ ว่าจะตีโจทย์อย่างไร พาไปเจอแก๊สน้ำตา กระบี่กระบอง แต่ตนก็จะไม่ให้เจ็บหนัก ถ้าเกินเหตุการณ์ที่ดูแล้วรุนแรงก็จะสั่งถอนกำลังทั้งหมด แต่ที่ออกไปร่วมๆ 50 ครั้ง ก็ไม่เคยเกิดเหตุอะไรเลย แม้มีบ้างที่จะเจอแก๊สน้ำตา และน้ำฉีด เป็นสิ่งที่เราต้องสู้และเรียนรู้ต่อไป ตนพาออกสนามหลายครั้ง กลุ่มของตนก็เริ่มแข็งแกร่งมีประสบการณ์มากขึ้น ต่อมามีการแพร่ระบาดไวรัสโควิดจึงเปลี่ยนแนวรบไปช่วยประชาชน นอกจากนี้ตนยังก่อเกิดกองพลสายฟ้าเอสเอสขึ้นมา คือคนที่สุดยอดของทั้งสองกองพลคัดมาพิเศษ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือหมู่บ้านทะลุฟ้า ทะลุแก๊ส

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น