โถ! “ธนาธร” ลั่นถ้าวันนั้นได้เป็นนายกฯจะไม่ทอดทิ้งผู้อพยพเมียนมา

โถ! "ธนาธร" ลั่นถ้าวันนั้นได้เป็นนายกฯจะไม่ทอดทิ้งผู้อพยพเมียนมา เสียใจประเทศไทยไม่ดูแลเพราะมีรัฐบาลเผด็จการ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุข้อความว่า สงกรานต์ปีนี้ ผมได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอีกหลายหมื่นหลายแสนครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันด้วยภัยสงคราม หลายเดือนที่ผ่านมา ผมดีใจที่เห็นพี่น้อง ประชาชนคนไทยจำนวนมากออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครนอย่างเปิดเผย คนจำนวนมากชื่นชมกับความพยายามของคนยูเครนที่จะปกป้องอธิปไตย บ้านเกิดและครอบครัวของพวกเขา ยืนหยัดต่อสู้กับผู้รุกราน ประชาชนผู้ไม่เกี่ยวข้องกับความอหังการของมหาอำนาจคนใด ตายเกลื่อนถนน นักแสดงลุกขึ้นมาจับปืน ประชาชนกลายเป็นนักรบ พ่อแม่พาลูกทิ้งบ้าน หนีตายอพยพไปประเทศอื่น ตึกรามบ้านช่องกลายเป็นซากปรักหักพัง ทั้งหมดนี้เป็นภาพที่เราเห็นจากยูเครน จนวันนี้ มีคนยูเครนมากกว่า 4 ล้านคนอพยพทิ้งบ้านตัวเองเพื่อเอาตัวรอดจากสงครามไปแล้ว

มันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า ยังมีสงคราม และผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม อยู่ใกล้เรามากกว่ายูเครนมากนัก เพียงแค่ข้ามชายแดน ที่ริมแม่น้ำเมยและริมแม่น้ำสาละวิน มีผู้หนีตายจากสงครามกลางเมืองเมียนมาอยู่หลายหมื่นคน พวกเขาเหล่านี้ คือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามอย่างบ้าคลั่งที่มีต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา

นับตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประชาชนหลายล้านคนลุกขึ้นมาต่อต้านเผด็จการด้วยความหวังถึงสังคมประชาธิปไตย สังคมที่ดีกว่า พวกเขาถูกปราบปราม พวกเขาถูกเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น ประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นจับอาวุธร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ รัฐบาลทหารปราบปรามกลุ่มต่อต้านอย่างหนักด้วยอาวุธสงคราม และด้วยการโจมตีทางอากาศ ประชาชนจำนวนมากบ้านแตกสาแหรกขาด จำต้องทิ้งบ้านเกิด หาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน

รัฐบาลโปแลนด์ เพื่อนบ้านยูเครนเปิดประเทศต้อนรับผู้อพยพ ประชาชนชาวโปแลนด์ช่วยกันหาอาหารและเสื้อผ้าสนับสนุนประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลโปแลนด์ให้ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนเข้าถึงการแพทย์ การศึกษา และหางานได้ในโปแลนด์ เมื่อผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาหาที่ปลอดภัยซุกหัวนอน หวังพึ่งฝั่งไทย สิ่งที่รัฐบาลเราทำกลับเป็นการผลักไสไล่ส่งพวกเขาออกไป ด้วยข้ออ้างโควิด และข้ออ้างว่าผู้ลี้ภัยสมัครใจกลับเอง ทั้งที่องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรการกุศลหลายหน่วยงานที่ผมพูดคุยด้วย ให้ข้อมูลตรงกันว่าชาวพม่าที่พยายามหลบภัยสงครามข้ามแดนมาฝั่งไทย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกดดันให้กลับไปฝั่งพม่าทั้งหมด หรืออย่างดีที่สุดก็ค้างคืนกันบนเกาะกลางแม่น้ำหรือริมตลิ่ง ชิดพรมแดนไทย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ เข้าไม่ถึงน้ำประปา ห้องน้ำสะอาด หมอพยาบาล และหยูกยา เด็กๆ ไม่ได้รับการศึกษา อยู่อาศัยในเพิงพักที่สร้างตามมีตามเกิดริมฝั่งน้ำ ไม่รู้ชะตากรรมว่าเมื่อไหร่สงครามจะสงบ เมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สมาชิกในครอบครัวของเขาที่ถูกฆ่าตายจะได้รับความเป็นธรรม ฤดูฝนกำลังจะมา ผมนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะอยู่กินหลับนอนกันอย่างไร

ในโลกของเผด็จการ ชีวิตประชาชนคนธรรมดาราคาถูกเสมอ ประวัติศาสตร์ของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรียงไกรของผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีคนธรรมดาอยู่ในนั้น ผมเห็นภาพผู้ลี้ภัยถูกยิง ขาพิการ ซากศพที่กองเกลื่อน เด็กที่หิวโหย ผู้ลี้ภัยเหล่านี้เป็นคนเหมือนกัน ในฐานะคนไทย ผมผิดหวังอย่างยิ่งที่รัฐบาลของเราผลักไสไล่ส่งพวกเขากลับไปอย่างไร้หัวใจ ผมเสียใจที่ประเทศไทยของเราไม่สามารถดูแลเพื่อนบ้าน -เพื่อนมนุษย์- ได้ในเวลาที่เขาเดือดร้อนและต้องการเพื่อนมากที่สุด

หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำงานร่วมกับข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ด้วยดีมาตลอด เรารับผู้ลี้ภัยจำนวนมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว กัมพูชา เมียนมา เข้ามาอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่บริหารจัดการโดย UNHCR งบประมาณที่ใช้ก็ได้มาจากองค์กรระหว่างประเทศ ไม่ได้เบียดบังภาษีของประชาชนคนไทย แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป รัฐบาลไทยไม่เปิดรับผู้หนีภัยสงคราม ซ้ำยังไม่ให้องค์กรระหว่างประเทศ และหน่วยงานการกุศลต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือชาวเมียนมาได้อย่างสะดวก จนผมสงสัยว่า เป็นเพราะสายสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างมินอ่องหล่ายน์ ผู้นำเผด็จการทหารเมียนมา กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทยที่มาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารหรือไม่ ที่ทำให้เราไม่เต็มใจรับผู้หนีภัยการปราบปรามของทหารเมียนมา

หลักฐานที่ชัดเจนว่ารัฐบาลทหารเมียนมามีไทยเป็นผู้ค้ำจุนสำคัญ มาจากการให้สัมภาษณ์ของมินอ่องหล่ายน์ ที่ให้กับนิกเคอิ เอเชีย ว่าเขาจะทำรัฐประหารก็ต่อเมื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ประเทศไทยเท่านั้น (อ่านข่าวฉบับเต็มที่นี่: https://asia.nikkei.com/…/Failed-state-Myanmar…)

 

หากวันนั้นผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะไม่ทอดทิ้งเพื่อนบ้านอย่างนี้ นั่นจะเป็นความภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่ผมอยากเห็น ความเป็นไทยที่แสดงออกด้วยสำนึกแห่งการรักเพื่อนมนุษย์ มีไมตรีและความอบอุ่นให้กับผู้ที่เดือดร้อนในยามสงคราม ก่อนความเป็นนักการเมือง ก่อนความเป็นคนไทย เราเป็นมนุษย์

สงกรานต์ปีนี้ ผมอยากให้สังคมไทยหันมาสนใจผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองในเมียนมา ที่วันนี้พักพิงอยู่ตามริมเมยและสาละวิน ติดชายแดนไทยตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ตาก จนถึงกาญจนบุรี กลับบ้านไม่ได้ไม่มีที่ไปต่อ พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน มาร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทำตามกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยหลักการไม่ผลักดันประชาชนคนใดกลับไปเผชิญภัยอันตราย (Non-Refoulement) เปิดให้องค์กรในประเทศและระหว่างประเทศ ได้เข้าไปทำงานที่พวกเขาต้องทำ ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การแพทย์ การศึกษา แก่ผู้หนีภัยสงคราม เปิดให้การช่วยเหลือจากนานาชาติเข้าถึงผู้ลี้ภัยได้ทันที ก่อนจะมีผู้บาดเจ็บและล้มตายไปมากกว่านี้ ด้วยศรัทธาในมนุษย์

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ
“บิ๊กน้อย” การันตี แจงแทน “บิ๊กป้อม” ไม่โทรให้ใครช่วย “สามารถ”
“ไอซ์ รักชนก” เตรียมระทึกอีก ศาลนัดฟังคำสั่งถอนประกัน 11 ธ.ค.นี้ ลุ้นชี้ชะตาจะรอดคุกหรือไม่
ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่อุทยานขุดพรุน 14 ไร่ หาแร่ทองคำล้ำค่า เจ้าหน้าที่บุกจับแจ้ง 6 ข้อหาอ่วม
“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อมีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล หยันหากมีก็แค่ ‘กองเชียร์ส้ม’ ในคราบอนุรักษ์นิยม
“ทนายสายหยุด” หน้าชา! “ทนายเดชา” ซัดคบไม่ได้-ขายลูกความ ไม่เชื่อ “ทนายตั้ม” ค้านประกันเมีย
รองพ่อเมืองกรุงเก่า ร่วมงานวิ่ง 'CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY 2024' มอบรายได้แก่ 4 โรงพยาบาล ใน จ.พระนครศรีอยุธยา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น