"สงกรานต์ยุคโควิด" 2565 ทุกมุมโลกมาเปิดหน้ากากเล่นน้ำสนุกสนาน หลากหลายสายพันธุ์คงมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ผลวิจัยพบเชื้อในอุจจาระนานถึง 7 เดือน
ข่าวที่น่าสนใจ
“สงกรานต์ยุคโควิด” ดร.อนันต์ ระบุ ชาวต่างชาติจากทุกมุมโลกมาเปิดหน้ากากเล่นน้ำกันสนุกสนาน…ความหลากหลายของสายพันธุ์ไวรัสคงมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย…เคสสูงขึ้นพอรับได้ แต่สายพันธุ์ไทยที่เราไม่อยากได้ไม่เอานะครับ…ที่มีอยู่ตอนนี้ก็หลากหลายเยอะมากแล้วครับ
พบ RNA ของไวรัสในตัวอย่างอุจจาระ นานถึง 7 เดือน
ดร.อนันต์ เปิดเผยงานวิจัยชิ้นล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่กระจายไวรัสจากผู้ป่วยโควิดจากตัวอย่างอุจจาระ ระบุ ข้อมูลแทบทั้งหมดตอนนี้เกี่ยวกับการแพร่กระจายไวรัส SARS-CoV-2 จากผู้ป่วยโควิดจะมาจากการตรวจตัวอย่างจากระบบทางเดินหายใจ เช่น จากตัวอย่างโพรงจมูก หรือ จากน้ำลาย แต่ความเป็นจริงแล้วมีข้อมูลมาตั้งแต่การเริ่มต้นของการระบาดแล้วว่า ไวรัสอาจจะแพร่ออกสู่สิ่งแวดล้อมผ่านช่องทางของระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะทางอุจจาระของผู้ป่วย แต่เนื่องจากโอกาสการแพร่กระจายจากช่องทางนี้น้อยกว่าจากช่องทางน้ำมูก น้ำลาย ทำให้ข้อมูลการศึกษาว่าตกลงไวรัสจะอยู่ในตัวผู้ป่วยนานมากน้อยขนาดไหนจึงมีไม่มาก และ ไม่ค่อยชัดเจน
ดร.อนันต์ ระบุต่อว่า งานวิจัยชิ้นล่าสุดจากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย Stanford ในสหรัฐอเมริกา เก็บข้อมูลโดยหาปริมาณสารพันธุกรรมของไวรัสจากตัวอย่างอุจจาระของผู้ป่วย โควิด-19 ในระยะเวลาต่าง ๆ พบว่า ประมาณ 50% ของผู้ป่วยสามารถตรวจพบ RNA ของไวรัสได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังตรวจพบว่าติดเชื้อ ที่น่าสนใจคือ ผู้ป่วยเหล่านี้เมื่อทำการตรวจ RT-PCR จากตัวอย่างที่เก็บจากโพรงจมูก หรือ ลำคอ จะเป็นลบหมดที่ 4 เดือน แต่ยังพบว่า 12.7% ของผู้ป่วยยังตรวจพบ RNA ของไวรัสในตัวอย่างอุจจาระ บางคนสามารถตรวจพบได้ยาวนานถึง 7 เดือน
ทีมวิจัยยังพบว่า ผู้ป่วยที่ตรวจพบ RNA ของไวรัสในตัวอย่างอุจจาระ มักจะเป็นกลุ่มที่มีอาการเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คำถามต่อมาคือตกลง RNA ที่ตรวจได้เป็นไวรัสที่ยังแพร่ต่อได้ หรือ แค่ซากเชื้อหรือสารพันธุกรรมไวรัสที่หลงเหลืออยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เนื่องจากผู้ป่วยต้องทำการเก็บตัวอย่างด้วยตัวเองก่อนส่งให้ทางทีมวิจัยไปตรวจสอบต่อ ซึ่งจำเป็นต้องทำการฆ่าเชื้อก่อนส่งตัวอย่างออก แต่จากงานวิจัยที่เคยตีพิมพ์ไปก่อนหน้านี้ที่สามารถแยกเชื้อไวรัสได้จากตัวอย่างอุจจาระ และ ข้อมูลที่ออกมาว่าไวรัสสามารถเพิ่มจำนวนในเซลล์ลำไส้ได้ดี ทำให้ทีมวิจัยคาดว่า มีโอกาสที่ไวรัสจะแพร่ออกจากตัวผู้ป่วยได้นานกว่าช่วงเวลากักตัว
“ข้อมูลนี้มีประโยชน์ครับ เพราะจะทำให้เราระมัดระวังช่องทางการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มขึ้น การทำความสะอาดห้องน้ำในช่วงกักตัว หรือ หลังกักตัว หรือ การปิดฝาก่อนกดชักโครก น่าจะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อได้มากขึ้นครับ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง