RT รายงานว่าในกรณีที่นายอันโตนิโอ กูเตเรส เลขาธิการยูเอ็นถูกนักข่าวถามเมื่อวานนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนสามารถเรียกว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ได้หรือไม่นั้น กูเตเรสตอบว่า คำว่า “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” หรือ Genocide (จิโนไซด์) เป็นคำที่กำหนดขึ้นโดยกม.ระหว่างประเทศ ซึ่งในฐานะที่ตัวเขาเป็นเลขายูเอ็น ยังไม่สามารถที่่จะใช้คำนี้ได้ โดย UN จะต้องรอให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นผู้เรียกหรือกำหนดขึ้น คือจะต้องรอผลการสอบสวนขั้นสุดท้ายของศาลอาญาระหว่างประเทศเสียก่อนว่าใช่หรือไม่ใช่
ทั้งนี้เลขายูเอ็นกล่าวว่ายูเอ็นมีความวิตกอย่างมาก เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและผลกระทบจากเหตุสู้รบในยูเครน อย่างไรก็ตามการใช้คำว่า “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ให้เป็นหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศที่จะตัดสิน
ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสก็ปฎิเสธที่จะเรียกสถานการณ์ยูเครนว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” เช่นกัน โดยมาครงกล่าวว่าการใช้คำพูดเหล่านี้ จำเป็นต้องมีความระมัดระวัง และว่าการใช้คำพูดแรงๆโจมตีรัสเซียไม่ช่วยให้การสู้รบในยูเครนยุติลง
ก่อนหน้านี้ ไบเดนออกมาพูดกล่าวหารัสเซียว่ามีความพยายามที่จะ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และกำจัดเผ่าพันธุ์ชาวยูเครนให้หมดสิิ้น ตามคำพูดของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ของยุเครน
การออกมาประนามและกล่าวหารัสเซียเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครนมีขึ้นในขณะที่นายคาริม ข่าน หัวหน้าอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังเดินทางเยือนยูเครน เพื่อตรวจสอบและหาหลักฐาน ซึ่งข่านกล่าวยอมรับว่ายูเครนสามารถเรียกได้ว่าเป็น Crime scene คือมีเหตุการณ์สังหารประชาชนพลเรือนจริง และว่าเขาจะหาหลักฐานเพิ่มเติมสำหรับใช้ในการสอบสวน อย่างไรก็ตามคำนิยาม “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” นั้น หมายถึงการ”ตั้งใจ”ที่จะทำลายเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติหรือกลุ่มศาสนาให้สิ้นซาก รวมทั้งความตั้งใจที่จะไม่ได้เผ่าพันธุ์คนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้กำเนิดลูกหลาน หรือการโอนย้ายลูกหลานของคนเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่งไปยังคนเผ่าพันธุ์อื่น