วันนี้ ที่ศาลาว่าการ กทม. นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร หรือ ผอ.กกต.กทม. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร หรือ กกต.กทม และ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ได้ประสานไปยังเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ กรณีที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต.เมื่อวันที่ 18 เมษายน มีมติให้นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ผิดวินัยร้ายแรง และมีมติเห็นสมควรให้ลงโทษไล่นายสราวุธออกจากราชการ จากคดีโครงการปรับปรุงอาคารศาลจังหวัดพระโขนง เป็นศาลแพ่งและศาลอาญาพระโขนง วงเงิน 42.3 ล้านบาท ที่ถูกร้องเรียนถึงปัญหาควาไม่โปร่งใส เนื่องจากนายสราวุธ เป็นหนึ่งในผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 28 ในนามอิสระ
“สราวุธ” อดีตเลขาศาลฯ ส่อวืดชิงผู้ว่าฯ กทม. หลังกกต.กทม.ประสานเลขาฯศาลยุติธรรม ขอรายละเอียดมติก.ต.ฟันผิดวินัยร้ายแรง ให้ออกจากราชการ เซ่นปมโครงการปรับปรุงศาลพระโขนงศาลมีนบุรีและศาลตลิ่งชันไม่โปร่งใส
ข่าวที่น่าสนใจ
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า หากผลการตรวจสอบปรากฎข้อเท็จจริงแล้ว และเข้าข่ายตามมาตรา 50 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 ที่ระบุว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง โดยวงเล็บ 8 กำหนดไว้ว่า เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ซึ่งมาตรา 56 ได้บัญญัติว่า เมื่อกกต.ทราบหรือได้รับแจ้งว่า ผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ กกต.วินิจฉัยโดยเร็ว ถ้าความปรากฏหรือได้รับแจ้งก่อนวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 20 วัน ให้ กกต.วินิจฉัยให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้ง ไม่น้อยกว่า 10 วัน และถ้ามีหลักฐาน ตามสมควรว่าผู้สมัครผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกต้ัง ให้สั่งถอนชื่อผู้น้ันออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัคร
นอกจากนี้ให้นำความในมาตรา 55 วรรคสอง มาใช้บังคับกับการดำเนินการตามวรรคหนึ่งด้วยโดยอนุโลม การอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ กกต. ตามวรรคหนึ่ง ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค ที่มีเขตอำนาจ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค ให้เป็นที่สุด การอุทธรณ์ ดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้ระงับหรือชะลอการเลือกตั้ง และให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค พิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จก่อนวันเลือกตั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง