“อีสท์วอเตอร์” แจงคดีประมูลท่อน้ำ EEC ยังไม่จบ พร้อมสู้ถึงที่สุด

“อีสท์วอเตอร์” แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุแม้ ‘ศาลปกครองกลาง’ จะมีคำสั่ง ‘ยกคำร้อง’ ขอคุ้มครองชั่วคราวฯ คดีการประมูลท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก แต่ “คดีหลัก” ที่บริษัทฟ้องขอให้เพิกถอนมติ หรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของ และการเพิกถอนการดำเนินการประกาศและหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา และยังสามารถต่อสู้คดีจนถึงศาลปกครองสูงสุดได้ พร้อมเผยบริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และยังพัฒนาระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน และอนาคตด้วย

บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW (อีสท์ วอเตอร์) แจ้งความคืบหน้า “การยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง” ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวานนี้(19 เม.ย.65) ว่า คดีประมูลท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ยังไม่จบ หลังจากก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ สำนักข่าวอิศรา ได้พาดหัวข่าว คำชี้แจง’ธนารักษ์’ ก่อนศาลสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราวฯ ปิดฉาก’อีสท์วอเตอร์’ผูกขาดท่อน้ำ EEC ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนว่า คดีการฟ้องร้องเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง เรื่องยกเลิกการประมูลครั้งที่ 1 ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ตามคำวินิจฉัย ในประเด็นการคุ้มครองชั่วคราว ทั้ง ๆ ที่เป็นคนละกรณีกัน ???

เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2565 บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW (อีสท์ วอเตอร์) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง แจ้งความคืบหน้าการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลาง

ตามที่บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ) และกรมธนรักษ์ ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2564 กรณีคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยกรมธนรักษ์ได้มีคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (การคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งแรก) และการออกประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ เป็นเหตุให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย และต่อมาบริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอศาลได้โปรดมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565

บริษัทฯ ขอแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีที่มีการยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางข้างต้นเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องไว้ต่อศาลเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 โดยในตอนหนึ่งของคำสั่งศาลดังกล่าว ได้ระบุไว้ด้วยว่า แม้ต่อมาจะได้มีการลงนามเพื่อเข้าทำสัญญาในโครงการที่พิพาทแล้ว แต่หากปรากฎว่าการดำเนินการเพื่อคัดเลือกคู่สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจเพิกถอนการดำเนินการดังกล่าวได้ และหากบริษัทฯ เห็นว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายก็ชอบที่จะใช้สิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อไปได้

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนว่าคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว ไม่ใช่คำสั่งศาลในส่วนของคดีหลักที่บริษัทฯ ฟ้องขอให้เพิกถอนมติหรือคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ และเพิกถอนการดำเนินการตามประกาศและหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ แต่อย่างใด โดยในส่วนของคดีหลักดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง และเมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในส่วนของคดีหลักแล้ว คดียังสามารถอุทธรณ์และเข้าสู่กระบวนพิจารณาโดยศาลปกครองสูงสุดต่อไปได้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเรียนว่า ระบบโครงข่ายน้ำ Water Grid ที่บริษัทฯ ใช้บริหารจัดการส่งน้ำในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา มีความยาวรวมทั้งสิ้น 512 กิโลเมตร โดยเป็นท่อที่เช่าบริหารจากกรมธนารักษ์ 135.90 กิโลเมตร ส่วนท่อที่บริษัทฯ ลงทุนเอง 376.10 กิโลเมตร ซึ่งรวมถึงสถานีสูบน้ำอีกหลายแห่ง เชื่อมโยงแหล่งน้ำต้นทุนหลักในภาคตะวันออกนั้น ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของข้อพิพาทที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้น บริษัทฯ ยังคงประกอบธุรกิจได้ตามปกติ ประกอบกับบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำพร้อมก่อสร้างสถานีสูบน้ำเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมที่สำคัญประการใด บริษัทฯ จะรายงานให้ทราบต่อไป

 

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า กรมธนารักษ์ จะเดินหน้าลงนามในสัญญากับบริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในครั้งที่ 2 อย่างช้าที่สุดไม่เกินต้นเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งต้องพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ โดยทางกรมธนารักษ์ จะเรียกบริษัท วงษ์สยามฯ เข้ามาหารือเกี่ยวกับรายการทรัพย์สินที่ วงษ์สยามก่อสร้าง จะต้องเข้ามาบริหาร โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องพูดคุยให้ยุติ หลังจากนั้นจะมีเดินหน้าในการเซ็นสัญญา

โดยทางนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า โครงการท่อส่งน้ำที่ วงษ์สยามก่อสร้าง จะเข้ามาบริหารทันที หลังจากมีการลงนามในสัญญาแล้ว ได้แก่ โครงการท่อส่งน้ำที่ไม่มีสัญญา 2 โครงการ คือ โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2)

ส่วนโครงการท่อส่งน้ำที่มีสัญญา คือ โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย นั้น วงษ์สยามก่อสร้าง จะเข้าไปบริหารได้ หลังจากสัญญาเช่าท่อที่ อีสท์วอเตอร์ ทำไว้กับกรมธนารักษ์ สิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธ.ค.2566

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น