"น้ำผึ้ง" รู้หรือไม่? รสชาติหอมหวาน ของโปรดของใครหลายคน เป็นพิษต่อเด็กทารกนะรู้ยัง? แพทย์ย้ำ ฝืนทานต่อเสี่ยงติดเชื้อถึงตายได้ ระวังด่วนก่อนสาย
ข่าวที่น่าสนใจ
ใครจะรู้ว่า รสชาติหอมหวานนี้ จะเคลือบไปด้วยพิษร้ายต่อเด็กน้อย จนทำให้หลายคนอาจจะพลาดไป เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ป้ายมาทำความเข้าใจกันก่อน เพราะอะไร ของหวานชนิดนี้ถึงไม่เป็นพิษกับผู้ใหญ่ แต่ส่งผลกับเด็กทารกเท่านั้น? นั่นก็เป็นเพราะว่า เด็กทารก เป็นวัยที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย ยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ และอวัยวะบางอย่างยังพัฒนาและทำงานไม่ได้เต็มที่ ดังนั้น เวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะให้ลูกน้อยทานอะไร ควรระวังระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวัยทารกอายุไม่เกิน 1 ปี
ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีเคสทารกน้อยเคราะห์ร้ายหลายราย ต้องเสียชีวิตลง เนื่องจาก ทาน “น้ำผึ้ง” เข้าไป ทำให้เกิดโรคโบทูลิซึม หรือภาวะอาหารเป็นพิษที่เกิดจากการได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียคลอสติเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ที่ปนเปื้อนในอาหารเข้าไปนั่นเอง
โดยเชื้อนี้เจริญเติบโตได้ดี และสร้างสสารพิษในภาวะที่มีออกซิเจนน้อย มักพบใน
- อาหารกระป๋องที่มีการจัดเก็บไม่ได้มาตรฐาน เช่นมีรอยบุบ รั่ว หรือแตก
- หน่อไม้ปี๊ป ที่ไม่ได้ปรุงด้วยความร้อนนานพอ หรือปรับค่าความเป็นกรดที่เหมาะสม
- น้ำ ผึ้ง
อาการของโรคโบทูลิซึม
- ท้องเสียหรือท้องผูก
- กลืนน้ำ และอาหารลำบาก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- อาจมีอาการหายใจลำบาก หรือหัวใจหยุดเต้น
- หากไม่รีบไปพบแพทย์อาจเกิดอันตรายจนเสียชีวิตได้
ประกอบกับร่างกายของเด็กทารกมีการพัฒนาการของระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เหมาะต่อการเจริญของเชื้อด้วยพัฒนาการเคลื่อนไหวยังไม่ดีและความเป็นกรดต่ำ แบคทีเรียซึ่งเข้าสู่ทางเดินอาหารจึงแบ่งตัวสร้างสปอร์ และสารพิษได้ แตกต่างจากเด็กโต หรือผู้ใหญ่ ลำไส้จะกำจัดเชื้อออกไปจากร่างกายได้ก่อนที่เชื้อจะเพิ่มจำนวน จึงทำให้สามารถบริโภคได้โดยไม่สร้างอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังทำให้เด็กทารกติดหวาน ฟันผุ เป็นโรคอ้วนหรือขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ได้อีกด้วย
ข้อมูล : oryor, pobpad และ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง