นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทํางานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย โต้แย้งมติที่นายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา ไม่บรรจุญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของฝ่ายค้าน ในวันที่ 23-24 มิ.ย. ว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 มีผลยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และแก้ไขหลักการสำคัญที่ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญต้องการปกป้องคุ้มครอง ดังนั้นหากรัฐสภาต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลผูกพันรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 211 วรรคสี่ ดังนั้นเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ประธานรัฐสภาจึงไม่สามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับดังกล่าว เข้าระเบียบวาระการประชุมของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาได้
นายราเมศ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของประธานสภาฯ เป็นกลาง ตรงไปตรงมา ทำหน้าที่อย่างสุจริต การจะมากล่าวหาว่า ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น อยากให้นายชูศักดิ์ ที่เป็นถึงครูบาอาจารย์ได้ย้อนกลับไปดูหลักการรัฐธรรมนูญและข้อบังคับให้ชัดเจน รวมไปถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ประกอบด้วย ไม่ใช่คิดจะทำตามอำเภอใจ โดยไม่มีหลักการ พอไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาโวยวาย ถือว่าไม่สมราคาของฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย
เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวยังไม่ตกไป ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 105 ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมจะตกไป แค่ 2 กรณีเท่านั้น คือ 1.รัฐสภาลงมติไม่รับหลักการ และ 2. รัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบในวาระที่สาม เมื่อร่างยังไม่ตกไป หากต่อไปมีกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันต่อไป
“ที่พรรคเพื่อไทย ใช้ถ้อยคำว่า อย่าทิ้งภาระให้ลูกหลาน ประธานสภาอย่าขัดขวางรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ล้วนแล้วแต่บิดเบือน คนอย่างนายชวน หลีกภัย มีแต่คิดดีและทำสิ่งดี ๆ ให้ลูกหลาน ตัวอย่างเช่น ไปโรงเรียนได้ดื่มนมฟรี คือโครงการนมโรงเรียน มีอาหารกลางวัน จัดตั้งอนุบาลชนบท มีกองทุนให้ลูกหลานที่ขาดแคลนได้กู้ยืมเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ประธานรัฐสภาคนนี้ทำ นายชวนไม่เคยทิ้งภาระหนี้สินที่เกิดจากการโกงชาติบ้านเมืองไว้ให้ลูกหลาน หากพรรคเพื่อไทยฉลาดย้อนคิดและจดจำ คงไม่มีการใช้ถ้อยคำที่บิดเบือนแบบนี้” นายราเมศ กล่าว