วันนี้(21 มิถุนายน 2564) นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เดินทางไปยืนหนังสือถึง เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เพื่อขอให้องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)กำหนดมาตรการให้ประชากรโลกเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ด้วยการผลักดันดันให้ประเทศ และบรรษัทยาข้ามชาติที่จดสิทธิบัตรวัคซีนป้องกันโควิด -19 ทุกชนิด ให้ยกเลิกระบบสิทธิบัตร เพื่อให้ประเทศต่างไป รวมทั้งประขากรโลกเข้าถึงวัคซีนอย่างเสรี และไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19
นายสาวิทย์ ระบุว่า สรส. และ คสรท. ขอเรียกร้องให้องค์การสหประชาชาติประสานความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพร้อมเป็นกลไกหลักในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมเพื่อให้มวลมนุษยชาติเข้าถึงมาตรการการป้องกันโรคโควิด-๑๙ เข้าถึงวัคซีนป้องกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมพร้อมกับยกเลิกระบบสิทธิบัตร ยา และวัคซีนป้องกันโรค ให้ประเทศที่มีความพร้อมสามารถผลิตวัคซีนได้อย่างเสรี สำหรับประเทศไหนที่ไม่มีความพร้อม ฐานะทางเศรษฐกิจอ่อนแอ ก็ให้องค์การสหประชาชาติ เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน
ทั้งนี้ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ปลายปี ๒๐๑๙ จนมาถึงปัจจุบัน โดยแต่ละประเทศต่างพยายามที่จะช่วยเหลือประชากรของตนเองเท่าที่สามารถจะทำได้ในสภาวะที่แตกต่างกันไป เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และการเสียชีวิตลง โดยเฉพาะการป้องกันที่จำเป็นต้องใช้วัคซีน แต่โอกาสการเข้าถึงวัคซีนเป็นไปด้วยความยากลำบาก มีความเหลื่อมล้ำเพราะความแตกต่างเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ในการผลิตวัคซีน ตกอยู่ในมือภายใต้สิทธิบัตรของบริษัทเอกชนเพียงไม่กี่ราย และรัฐบาลเพียงไม่กี่ประเทศ การทำกำไรจากวัคซีนในราคาที่แพงและยากต่อการเข้าถึง จึงเป็นสาเหตุสำคัญต่อการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตของประชากรโลก จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเอาความตายของประชากรโลกไปทำการค้าและหากำไร
องค์การสหประชาชาติมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อ “ระงับกรณีพิพาทระหว่างประเทศคู่กรณีด้วยสันติวิธี เป็นแกนกลางในการนำสันติภาพอันถาวรมาสู่โลก เป็นศูนย์กลางความร่วมมือช่วยเหลือระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ” โดยมีหลักการสำคัญที่กำหนดไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ขณะที่ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวไว้ว่า “โรคโควิด-๑๙ กำลังเป็นภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ ฉะนั้นพวกเราทุกคนต้องร่วมกันต่อสู้กับภัยครั้งนี้ การรับมือของประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพังนั้นไม่เพียงพอ เราต้องให้ความช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอและเปราะบางที่สุด ซึ่งมีมากมายหลายล้านคนที่ไม่อาจปกป้องตนเองได้ นี่เป็นเรื่องมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือกับไวรัส และนี่คือเวลาที่เราต้องยื่นมือไปช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง” ซึ่งเป็นคำประกาศในหลักการสำคัญ น่าชื่นชมจึงควรอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นจริง