ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายนิธิโรจน์ แก้วเหลา เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ 238 พิทักษ์นครลำดวน จากศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.วังหิน เข้าทำการตรวจค้นกุฏิพักสงฆ์ ภายในวัดบ้านนิคมซอย 3 หมู่ที่ 9 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนออกไปประมาณ 1 กม. โดยภายในกุฏิพบ พระกฤติมา บุญอุปละ อายุ 36 ปี พระอติชาต พงษ์สีมา อายุ 48 ปี และ นายสถาพร กาเหลา อายุ 29 ปี ซึ่งกุฏิหลังดังกล่าว พระกฤติมา เป็นผู้พักอาศัย จากการตรวจค้นภายในกุฏิ พบยาบ้าที่เหลือจากการเสพจำนวน 1 ชิ้น อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก และ กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 24 นัด โดยพระกฤติมา ให้การรับสารภาพว่าของกลางดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตน และรับว่าเสพยาบ้าจริง ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปทำการตรวจค้นกุฏิพักของ พระอติชาต พงษ์สีมา อายุ 48 ปี พบเพียงอุปกรณ์การเสพยาบ้าและรับว่าเสพยาบ้า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการตรวจค้นรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน 7 กต 8551 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้ากุฏิภายในวัดที่เกิดเหตุ โดยนายสถาพร รับว่ารถยนต์เก๋งคันดังกล่าวตนเป็นผู้ครอบครองและเป็นผู้ขับขี่เข้ามาจอดที่บริเวณดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจค้นปรากฏว่า พบยาบ้า ใส่ไว้ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบกดปิดเลื่อนเปิดจำนวน 2 ถุง ยาบ้ารวม 314 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้แผงควบคุมกระจกบริเวณประตูรถยนต์ฝั่งคนขับ ซึ่ง นายสถาพร รับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนและรับว่าเสพยาบ้าจริงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำตัว พระทั้ง 2 รูป ไปทำการสึก จากนั้น ได้ควบคุมตัวทิดสึกใหม่ทั้ง 2 คนและ นายสถาพร พร้อมของกลางนำไปส่งมอบให้ พนักงานสอบสวน สภ.วังหิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านนิคมซอย 3 หมู่ที่ 9 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ สภาพภายในวัดค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีพระสงฆ์อยู่ในวัดแต่อย่างใด ส่วนกุฏิหลังเกิดเหตุ ได้ปิดประตูเอาไว้ โดยจากการสอบถาม นางสาวอุไรรัตน์ บรรลุ อายุ 38 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ใกล้วัด ซึ่งเคยใส่บาตรกับพระทั้ง 2 รูปนี้ กล่าวว่า พระทั้ง 2 องค์นี้มีลักษณะดูเป็นคนดีมาก แต่ว่าพอเกิดมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ทำให้ตนรู้สึกใจหายไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมากับพระสงฆ์ในหมู่บ้านของตน
นายประมวล อัสพงค์ อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านนิคม ซอย 3 หมู่ที่ 9 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ความรู้สึกส่วนตัวระดับหมู่บ้านตนรู้สึกเสียใจไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีความสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระทั้ง 2 รูป และได้เข้าไปว่ากล่าวตักเตือนแล้วบ่อยครั้ง พร้อมทั้งได้แนะนำพระสงฆ์ทั้ง 2 รูปว่าหากมีวัยรุ่นเข้ามาภายในวัด ก็ขอให้แจ้งผู้นำหมู่บ้านแต่ก็เห็นเงียบไป คิดว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ซึ่งตนก็มีความสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมและได้ว่ากล่าวตักเตือนเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดได้เข้าไปสอบถามพระภายในวัดแต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด ตนได้แนะนำหลายเรื่องแต่ว่าพระไม่ได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จึงได้เกิดเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว
นายประมวล อัสพงค์ อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านนิคม ซอย 3 กล่าวต่อไปว่า พระทั้ง 2 รูปมาอยู่ที่วัดแห่งนี้ประมาณ 2 พรรษาแล้ว มาอยู่ใหม่ๆก็ปฏิบัติตัวดี เป็นพระที่มีความรู้พอสมควร แต่มาช่วงหลังได้มีการคลุกคลีกับพวกวัยรุ่นในหมู่บ้านมีการมั่วสุม มีเด็กวัยรุ่นเข้าไปเล่นด้วยเยอะ ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาแล้ว ตนได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับเจ้าคณะตำบลบุสูง ซึ่งเจ้าคณะตำบลบุสูงได้แนะนำพระสงฆ์ให้มาจำพรรษาและมาดูแลวัดแห่งนี้ พร้อมทั้งปรับปรุงวัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำตามแบบเดิมอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของยาเสพติดมีการควบคุมโดยคณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งระบบระเบียบก็ยังขัดแย้งกันอยู่ระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษกับชุมชนหมู่บ้าน จริง ๆแล้วแต่ก่อนถ้าจะมีพระมาอยู่วัดในหมู่บ้าน กรรมการหมู่บ้านและกรรมการวัดมีอำนาจเต็มว่าจะให้ใครมาอยู่หรือไม่ให้อยู่ ช่วงหลังนี้กฏของสำนักงานพระพุทธศาสนาก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพระสงฆ์ เจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามแนะนำว่า ไม่ให้ผู้นำหมู่บ้านเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ก็เลยเกิดปัญหาดังกล่าวนี้ขึ้นมา เป็นอำนาจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่พระคุณเจ้าที่มาอยู่วัดได้มาอยู่กันเอง ผู้นำชุมชนไม่สามารถเข้าไปควบคุมดูแลได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา.
ภาพ/ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ