นายศักดิ์ชัย กล่าวว่าจากการพูดคุยและรับฟังปัญหาของผู้ประกอบการนั้นพบว่าส่วนใหญ่ประสพกับปัญหาการทำกิน ต้องปิดกิจการและประสบภาวะตกงานจากสถานการณ์โควิด-19 มานานกว่า 2 ปี ขณะปัจจุบันเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นและมีการผ่อนคลายลงบ้าง แต่ก็ยังติดขัดในบางปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของ Zoning และระยะเวลาเปิดปิด รวมทั้งการจำหน่ายแอลกอฮอล์ที่มีระยะเวลากำหนดไว้ จึงทำให้ขาดแรงจูงใจต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางมาพักผ่อนสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของการติดต่อกับหน่วยงานราชการที่พบว่ายังประสบปัญหาไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตามจากการรับฟังได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบว่าหากการเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสได้เข้าไปทำงานรับใช้ประชาชนในฐานะนายกเมืองพัทยา ที่อดีตเคยทำงานรับราชการที่มีตำแหน่งเป็นถึงอดีตรองอธิบดีกรมการปกครอง จึงทำให้มีความรู้ ความเข้าใจในขั้นตอนของกฎหมายเป็นอย่างดี ดังนั้นเรื่องเร่งด่วนที่จะดำเนินการคือเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง โดยเฉพาะเมืองพัทยาที่เป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษที่จะพยายามผลักดันการแก้ไขกฎหมายในเรื่องของการขยายพื้นที่ Zoning ให้ครอบคุลมพื้นที่ทั่วทั้งเมืองพัทยา และเรื่องของระยะเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ รวมทั้งการจำหน่ายแอลกอฮอล์ที่จะมีการขยายเวลาเพิ่มพิเศษด้วยเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักและเป็นศูนย์กลางการลงทุนและเศรษฐกิจของ EEC
ขณะที่ปัญหาการติดต่อราชการนั้นจะมีการจัดทำระบบ One Stop Service เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการติดต่อราชการมากขึ้น อีกทั้งโครงการทุกอย่างประชาชนต้องมีส่วนร่วมและจะนำขึ้นมาบนโต๊ะเพื่อให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ไร้ปัญหาคอรัปชั่นอย่างถาวรทางด้าน นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกเมืองพัทยา ประธานที่ปรึกษากลุ่มพัทยาร่วมใจ พร้อมด้วย นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 4 นำคณะสมาชิกสภาเมืองพัทยาเบอร์ 13-18 ทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง เปิดเวทีไฮปาร์คบริเวณริมถนนหน้าตลาดใหม่นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
เพื่อกล่าวแนะ นำตัวและชี้แจงแนวนโยบายการทำงานกับกลุ่มผู้ประกอบการพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อข้าวของ โดยพบว่าได้รับความสนใจจากกลุ่มบรรดากองเชียร์ที่ร่วมมอบดอกไม้ พวงมาลัย และส่งเสียงเชียร์กันอย่างล้มหลาม ด้วยพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่บ้านเกิดของผู้สมัครนายกเมืองพัทยา นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 4 กล่าวว่าการเสนอตัวเข้ามาลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้เพราะต้องการแก้ไขปัญหาของบ้านเกิดให้มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจและปากท้องที่ทุกภาคส่วนต้องประสพปัญหามาตลอดเวลากว่า 2 ปี ขณะที่ปัญหาในพื้นที่ก็พบว่ามีสภาพที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายกรณี ทั้ง ถนนหนทางที่มีการขุดเจาะตลอดทั้งปี เรื่องของปัญหาน้ำท่วมขัง เรื่องของสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของประชาชน ที่สำคัญคือเรื่องของการท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนัก ซึ่งหากได้รับโอกาสเข้ามาทำงานจะเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วนตามนโยบาย 8 ด้านที่ต้องแก้ภายใน 90 วัน
ทั้งนี้ที่สามารถทำได้เพราะเป็นคนท้องถิ่น ที่ไม่มีพรรคการเมืองหนุนหลัง ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใคร ไม่เกรงกลัวอิทธิพล และไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ แต่ทำด้วยความสมัครใจ ตั้งใจที่จะแก้ไข จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินการ เพราะผ่านงานทางด้านการท่องเที่ยว มีความรู้ ความเข้าใจและทำงานร่วมกับภาคเอกชนมานานตลอดทั้งชีวิต จึงมั่นใจว่าจะสามารถพาเมืองพัทยากลับไปสู่ความเจริญทางด้านการท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยตั้งเป้าการดึงนักท่องเที่ยวกลับมาให้ได้ 100 % หรือสร้างเม็ดเงินกว่า 30,000 หมื่นล้าน/ปี
ชัยยศ ผู้พัฒนพงษ์ ผู้สื่อข่าวTOPNEWS ประจำ จ.ชลบุรี