“กรมธนารักษ์” เลื่อนเซ็นท่อส่งน้ำ EEC กะทันหัน

อธิบดีกรมธนารักษ์ แจ้งเลื่อนลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับ บริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด ที่จะเกิดขึ้นในเวลา 11.00 น. วันนี้ (3 พ.ค.65) ออกไปก่อน ระบุเพื่อทำความเข้าใจกับสื่อและสังคม ให้ชัดเจน พร้อมย้ำ “ไม่มีคำสั่งจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล” ให้เลื่อนการลงนาม

วันที่ 3 พ.ค.65 เวลาประมาณ 9.50 น. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมธนารักษ์ แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ขอเลื่อนการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก กับ บริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง จำกัด ออกไปก่อน โดยยังไม่ได้กำหนดวันและเวลา จากเดิมที่มีกำหนดลงนามในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องกะทันหัน เพราะทางกรมธนารักษ์ เพิ่งส่งกำหนดการเชิญสื่อ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค.

นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์ด่วนที่กรมธนารักษ์ ถึงเรื่องดังกล่าว โดยเปิดเผยสาเหตุที่กรมธนารักษ์ต้องชะลอการลงนามสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก เนื่องจากที่ผ่านมาหลายฝ่ายยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการประมูลโครงการนี้ รวมถึงอาจจะมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ ดังนั้น กรมธนารักษ์จึงต้องใช้เวลาในการชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อ ประชาชน และผู้เกี่ยวข้อง ให้ชัดเจนก่อน พร้อมปฏิเสธไม่มีคำสั่งใด ๆ จากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ตามที่เป็นกระแสข่าว

พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนในครั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยการดำเนินการของกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการโดยยึดหลัก 3 อย่าง คือ หนึ่ง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกำหนด สอง คุ้มครองประโยชน์ของรัฐ และสาม คุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภคหรือผู้ใช้น้ำ

ส่วนขั้นตอนการลงนามเซ็นสัญญาครั้งต่อไป ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ แต่ต้องรอชี้แจงทุกฝ่ายให้เข้าใจในทุกข้อสงสัยก่อน จึงจะแจ้งได้ว่าการเซ็นสัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างไรก็ตาม คงไม่ปล่อยเวลาให้ล่าช้าจนเกินไป พร้อมยืนยันว่า การเลื่อนการลงนามครั้งนี้ ไม่ได้เลื่อนเพื่อรอการพิจารณาในคดีหลักของศาลปกครอง ทั้งนี้ ได้มีการประสานกับเอกชนแล้วถึงประเด็นปัญหา และร้องขออย่าดำเนินการฟ้องร้องใด ๆ เพราะยังมั่นใจว่ากระบวนการประมูลที่ผ่านมาเป็นไปอย่างถูกต้อง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายประภาศ กล่าวย้ำว่า วันนี้ ที่ต้องมีการชะลอการลงนามออกไป เหตุผลสำคัญคือ ถ้ามีการลงนาม ก็เป็นสิทธิโดยชอบที่กรมธนารักษ์ จะลงนามในวันนี้ และผมยืนยันว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ไม่มีอะไรที่เป็นความผิดเลยนะครับ ที่จะลงนามในสัญญา อันนี้เรียนยืนยันเลย แต่เนื่องจากสังคมยังมีข้อสงสัยอยู่ ยังมีการตั้งประเด็นต่างๆ ก็เลยใช้เวลาอีกนิดนึงเพื่อทำความเข้าใจตรงนี้ เพื่อจะได้สบายใจกันทุกฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลื่อนครั้งนี้ เพราะมีคำสั่งจากใครไหม อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า เรามีการหารือกันในคณะของผู้บริหารของกรม และต้องหารือผู้ใหญ่ด้วย แต่ไม่มีการสั่งนะครับ แต่เมื่อมันมีกระแสโดยเฉพาะช่วงเมื่อเช้า รู้สึกจะร้อนแรงมาก ผมก็เห็นว่า เราจะหาทางออกยังไง ลดกระแสตรงนี้อีกสักนิดไหม และผมเรียนผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ทั้งนี้ ทั้งนั้น การตัดสินใจเป็นอธิบดี พร้อมยืนยัน “ไม่มีคำสั่งจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล”

ส่วนที่มีคำถามว่า จากปัญหาต่างๆ มีโอกาสล้มประมูลหรือไม่ นายประภาศ กล่าวว่า จะล้มเพราะอะไร ผมยังมองไม่เห็นเลย ถามว่าถ้าล้มขึ้นมา เรามีเหตุอะไรที่จะล้ม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถามว่าอยู่ๆ จะไปล้มเพราะมีกระแสร้อนแรงอย่างนี้เหรอ เป็นไปไม่ได้เลย ส่วนการจะถึงขั้นล้มรัฐบาลไหม อันนั้นเป็นเรื่องทางการเมือง ผมไม่ก้าวล่วง แต่เราในฐานะข้าราชการประจำ ก็ทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด เรื่องทางการเมืองก็ว่าไปตามการเมือง

อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวชี้แจงต่อสังคมด้วยว่า การดำเนินการเรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นการเร่งร้อน หรือร้อนรน ต้องเข้าใจว่า เราต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ เคารพการตรวจสอบของทุกฝ่าย ขณะที่ทางฝ่ายค้านก็มีสิทธิตั้งข้อสงสัย หรือถ้ามีหลักฐานในเรื่องการตรวจสอบก็เป็นความชอบธรรม แต่ในฐานะผู้ปฏิบัติถ้าเราเพิกเฉยก็เกิดปัญหา

ส่วนที่ว่า ทำไมกรมธนารักษ์ยังเดินหน้าลงนาม เพราะเมื่อเกิดคดีขึ้นในศาล ความจริงแล้วก็ควรต้องหยุด แต่เหตุที่ต้องหยุดเกิดได้เพราะ หนึ่ง มีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่า ถ้ามีคดีพิพาทในศาลแล้วให้หยุดการดำเนินการไว้ นั่นคือเหตุที่จะหยุดได้ สอง ถ้าไม่มีกฎหมายเขียนไว้ ก็จะต้องมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาล

คู่สัญญารายเดิมของกรมธนารักษ์ ขอคุ้มครองทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรก ศาลยก , สอง ศาลไม่รับ ครั้งที่สาม ศาลยก คราวนี้ พอมันเป็นอย่างนี้ถามว่ากรมธนารักษ์จะหยุดได้ไหม เนื่องจากในกฎหมาย หรือกฎกระทรวงกำหนดไว้ชัดเจนเลยครับ ว่า ถ้าผ่านคณะกรรมการที่ราชพัสดุแล้ว กรมธนารักษ์จะต้องจัดให้มีการลงนามในสัญญา ไม่มีอะไรที่บอกว่า หากมีคดีพิพาทกันอยู่ให้หยุด หรือว่า ศาลสั่งไม่คุ้มครอง นอกจากนี้ สาเหตุที่ไม่มีเหตุผลต้องชะลอคือ อาจเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ.รับผิดทางละเมิด ได้

อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึง ผลตอบแทนที่จะได้รับ ณ วันลงนามในสัญญาบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก รวมเป็น 743,623,856 ล้านบาท นั้น แบ่งเป็น
– ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา จำนวน 580 ล้านบาท
– ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี (Fixed Fee) ปีที่ 1 จำนวน 44,644,356 ล้านบาท
– หลักประกันสัญญา จำนวน 118,979,500 ล้านบาท
และผลประโยชน์ตอบแทนที่จะต้องจ่ายในวันส่งมอบทรัพย์สิน อีก 870 ล้านบาท โดยผลประโยชน์ตอบแทนตลอดอายุสัญญา (30 ปี ) อยู่ที่ 25,693.80 ล้านบาท

ขณะที่ รายได้ที่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ จ่ายให้กรมธนารักษ์ ตั้งแต่ปี 2537 -2564 เป็นเงินจำนวน 600.89 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว ได้ถามถึงประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทที่ชนะประมูลโครงการนี้ ไม่มีประสบการณ์ หรือโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เลย ขณะที่อีสท์ วอเตอร์ ทำมา 30 ปี ทุกอย่างพร้อม แค่ปรับ TOR ก็สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้ นายประภาศ ถามกลับว่า ถ้าเป็นรายใหม่เข้ามา แล้วจะมีปัญหาในการบริหารหรือ ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าต้องเอาเจ้าเดิมอย่างเดียว ไม่ต้องคัดเลือก เพราะฉะนั้น อย่าคาดการณ์ไปก่อน ว่า บริษัทนี้ไม่มีความสามารถ เขาก็มีแผนที่ชัดเจนที่เสนอมา ทุกบริษัทมีความสามารถ อยู่ภายใต้กติกา จริงอยู่ ผู้ที่มีประสบการณ์ ก็จะถูกมองว่ามีความสามารถเหนือกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า อีกฝั่งหนึ่งไม่มีประสบการณ์ เราตั้งสมมติฐานได้อย่างไรว่าเขาไม่มีประสบการณ์ เพราะบริษัทดังกล่าวก็ทำเรื่องท่อน้ำอยู่ ที่ทราบมาจากวงนอกว่าทำกิจการท่อให้กับการประปาฯ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่เคยทำธุรกิจนี้เลยเข้ามา ก็น่าจะตั้งข้อสังเกตได้ จึงไม่มีข้อกังวลเรื่องนี้

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวด้วยว่า “ วันนี้ ถ้ามีการลงนามในสัญญา ขั้นตอนต่อไปคือ การส่งมอบ ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุด กรมธนารักษ์ยืนยันได้เลยว่า ก่อนที่จะรับมอบจะต้องมีความมั่นใจว่า ไม่เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ โดยกรมธนารักษ์ คู่สัญญารายเดิม คู่สัญญารายใหม่ จะต้องลงไปในพื้นที่ ดูว่าตรงไหนมีจุดไหนที่จะเป็นปัญหา และอาจให้ผู้ที่ใช้น้ำเข้ามาดูด้วย เพื่อให้เขามั่นใจว่า ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน มันจะไม่เกิดผลกระทบกับเขา ไม่ได้หมายความว่าวันนี้พอลงนามแล้ว คู่สัญญารายใหม่จะเข้ามาบริหารเลย ในสัญญากำหนดไว้ชัดเจน ร่างสัญญาที่ผ่านการตรวจจากสำนักงานอัยการสูงสุด ก็คือว่า สัญญาให้มีผลเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่รับมอบ หรือส่งมอบ เพราะฉะนั้น ถ้าลงนามในสัญญา มันต้องมีช่วงเวลาอีกระยะเวลาหนึ่ง นั่นคือ การทำให้พร้อม เพราะฉะนั้น ต้องดูตรงนี้ว่า พร้อมแล้วยัง และถ้าถึงจุดนั้น ถ้าเค้าไม่พร้อม เราก็จะเห็นเลยว่า เค้าไม่พร้อม และถึงเวลานั้นก็อาจจะเลิกสัญญาก็ได้ ถ้าหากมันมีความเสี่ยง หรือไม่พร้อม ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับผู้ใช้น้ำอีก เพราะคู่สัญญารายเดิม ก็ว่าต่อไป เพราะฉะนั้น เราอย่าตั้งข้อสงสัยก่อนครับ

ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในวันนี้ ( 3 พ.ค.) พร้อมแจ้งหมายข่าวกับสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ในลักษณะเน้นย้ำให้มาร่วมทำข่าว ไม่เท่านั้นยังปรากฎข้อมูลว่า มีผู้แทนบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เดินทางมาที่กรมธนารักษ์ พร้อมเช็คสั่งจ่าย แยกเป็น เงินค้ำประกันสัญญา 118.97 ล้านบาท ,ค่าแรกเข้าวันลงนามสัญญา 580 ล้านบาท และผลประโยชน์ตอบแทนรายปี (Fixed Fee) 44.64 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกนี้ด้วย แต่ต้องเดินทางกลับโดยไม่ชัดเจนในสาเหตุที่เกิดขึ้น

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น