เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม16 กล่าวถึงกรณีกรมธนารักษ์เลื่อนการเซ็นลงนามสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในการดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกว่า พอใจในระดับหนึ่ง แต่ต้องตรวจสอบต่อไป ความมุ่งหมายตนไม่ได้ต้องการให้บริษัท อิสท์วอเตอร์เป็นผู้ชนะประมูล แต่อยากให้ทบทวนวิธีประมูลคัดเลือกว่า ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ถ้าจะประมูลใหม่ก็ต้องเรียกบริษัทใหญ่ๆทุกแห่งมาร่วมประกวดราคาด้วย หลังจากกรมธนารักษ์ทบทวนการดำเนินการแล้ว
หัวหน้ากลุ่ม16 พร้อมแตกหักโหวตไม่วางใจ “สันติ” เมินพลังประชารัฐมีมติลงโทษ ลั่นพร้อมไปอยู่พรรคเล็ก
ข่าวที่น่าสนใจ
หากยังจะเซ็นสัญญาโครงการกับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง ตนก็พร้อมโหวตสวน ไม่ไว้วางใจนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว เพราะการประชุมคณะกรรมการที่ราชพัสดุที่มีมติรับรองบริษัท วงษ์สยามก่อสร้างชนะการประมูลนั้น มีกรรมการเข้าร่วมประชุมแค่ 9คน จากทั้งหมด12คน โครงการเป็นหมื่นล้านแต่ลงมติ 9คน ไม่มีตัวแทนกระทรวงมหาดไทย การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) และลงมติเห็นชอบแค่ 6คน แม้นายสันติจะยืนยันบริษัท อิสท์วอเตอร์ ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เป็นแค่บริษัทเอกชน แต่ตนเห็นว่า บริษัท อิสท์วอเตอร์ เป็นกึ่งรัฐวิสาหกิจ กปภ.ถือหุ้น 40% มีการนิคมอุตสาหกรรมถือหุ้นร่วมด้วย มีความเชื่อมโยงหน่วยงานรัฐ มีความชำนาญมากกว่า แม้จะให้ผลประโยชน์รัฐน้อยกว่า แต่ดูแลระบบส่งน้ำภาคตะวันออกมา 29ปี ไม่ควรทุบหม้อข้าวกปภ. แต่บริษัท วงษ์สยามก่อสร้างเพิ่งเข้ามา ไม่มีประสบการณ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสันติจะให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาลงโทษนายพิเชษฐที่ตรวจสอบนายสันติที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายพิเชษฐ กล่าวว่า ยินดีให้ลงโทษ พรรคมีข้อบังคับห้ามไปกินข้าวกับฝ่ายค้านหรือไม่ ถ้าจะถูกลงโทษคงเป็นข้อหาขัดผลประโยชน์ใครบางคน ถ้ามติพรรคจะลงโทษก็ไม่ขัดข้อง พร้อมออกไปอยู่พรรคเล็ก แต่ยังเชื่อมั่นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนมีเหตุผล เข้าใจดีถึงการที่ตนปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ยืนยันเดินหน้ากินข้าวกับฝ่ายค้านต่อไป เดิมนัดจะกินข้าววันที่ 4พ.ค. แต่เมื่อกรมธนารักษ์เลื่อนลงนามสัญญาออกไปคงนัดวันเวลากินข้าวกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกครั้ง ฝากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการระบบท่อส่งน้ำภาคตวะวันออก โดยให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพนั้น คงไม่เกิดประโยชน์ เป็นไปไม่ได้ที่ข้าราชการจะกล้าเอาผิดรัฐมนตรี ควรให้หน่วยงานอื่นที่มีความเป็นอิสระมาตรวจสอบ เช่น สถาบันพระปกเกล้า เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะไม่สามารถใช้อิทธิพลการเมืองมาสั่งได้ เชื่อว่าการชะลอเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าว เป็นแค่การถอดชนวนลดแรงกดดันทางการเมืองชั่วคราว จะยังไม่เซ็นสัญญาโครงการจนกว่าจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไปก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-