เมื่อเวลา 10.40 น. ในการประชุมรัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นที่แน่ชัดว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตราต่าง ๆ ที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไม่ได้เพื่อแก้ปัญหาทางโครงสร้างการเมืองที่บิดเบี้ยว เอาข้อดีบางข้อมาอ้าง เพื่อปกปิดมาตราสำคัญ แต่กลับยิ่งส่งเสริมผลประโยชน์ของรัฐบาลในระบอบประยุทธ์ การเสนอในมาตรา 144 และ 185 เปิดช่องให้ส.ส.และ ส.ว. เข้าไปแทรกแซงการทำงานของราชการและการจัดสรรงบประมาณได้ พอมาบวกกับการเสนอแก้ไขระบบการเลือกตั้ง โดยไม่ปิด สวิตซ์ส.ว. สภาแห่งนี้และประชาชนเลยดูออกไม่ยากว่า หวังกินทั้งงบประมาณ กินทั้งอำนาจในพื้นที่ กินอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี กินรวบเบ็ดเสร็จและมูมมาม
“ตอนนี้นอกห้องประชุมประชาชนเกิดคำถาม เกิดความกังวล และความไม่เชื่อมั่นว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ การเดินหน้าผลักดันให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่คืบหน้าเลยแม้แต่น้อย ถูกตีตก ถ่วงเวลาสารพัดรูปแบบ หรือถ้าจะทำก็ไปกำหนดตรงนั้นตรงนี้ให้ แก้นั้นได้ แก้นี้ไม่ได้ สารพัดวิธีการที่จะไม่ให้อำนาจกับประชาชน แต่กลับรีบเร่งเสนอหลายมาตรา หลายประเด็นจนประชาชนสับสน ขอให้ยอมรับกันตรงไปตรงมาว่า การเสนอแก้กติกาเรื่องการเลือกตั้งโดยไม่ปิดสวิตซ์ ส.ว. เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น และที่น่าสลดก็คือ เมื่อจะคุยเรื่องกติกาการแข่งขัน ผู้เล่นที่มีส่วนได้เสียมาเถียงกันเรื่องระบบเลือกตั้งกันเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจะตำหนิสภา ว่าเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองกันอยู่” นายปดิพัทธ์ กล่าว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเองก็ถูกกล่าวหาว่าที่ไม่ต้องการให้มีการแก้กติกาเลือกตั้ง เพราะกลัวแพ้ อยากยืนยันว่า ตนและเพื่อน ๆ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เข้าสู่สนามการเลือกตั้งด้วยรัฐธรรมนูญ 60 โดยรู้ทั้งรู้ว่ากติกานี้ไม่ใช่แค่กติกาที่ไม่เป็นธรรมเท่านั้น แต่เขียนมาเพื่อพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. มีการใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบทุกรูปแบบ แต่เราก็ตัดสินใจแข่ง เนื่องจากไม่รู้จะลงคะแนนให้พรรคใดที่เป็นตัวแทนอุดมการณ์และนโยบายที่เราต้องการ เราจึงตั้งพรรคขึ้นมาโดยยืนยันมาแต่แรกว่าพร้อมสู้ในทุกกติกา ทั้งนี้สรุปได้ว่าการออกแบบระบบเลือกตั้งไม่ควรเริ่มคุยกันเรื่องเทคนิค แต่จะต้องเริ่มคิดอยู่บนหลักการใหญ่ ๆ 3 ด้านด้วยกัน คือ หนึ่งสะท้อนเสียงของประชาชนได้มากที่สุด ต่อให้ไม่ใช่ในอุดมคติ แต่ต้องมีความพยายามที่จะใกล้เคียงมากที่สุด สองสนับสนุนให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมของพรรคการเมืองทุกพรรค เปิดโอกาสให้เกิดการริเริ่มและพัฒนาพรรคการเมือง สามสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันทางการเมืองในระยะยาว
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ การกลับไปใช้ระบบการเลือกตั้งแบบปี 40 แต่เอามาอยู่ในรัฐธรรมนูญ 60 ฉบับแก้ไข จึงเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการต้องการกินรวบสภาแห่งนี้ เพื่อเป็นภาคต่อของกระบวนการสืบทอดอำนาจ ผ่านละครปาหี่ที่เรียกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราโดยเฉพาะระบบเลือกตั้ง เห็นด้วยว่าระบบการเลือกตั้งแบบปี 40 ดีที่สุดเท่าที่ผ่านมา และดีกว่าระบบการเลือกตั้งพิสดารของปี 60 แต่สิ่งที่ต้องการเสนอต่อสภาและพี่น้องประชาชนคือ เราทำระบบเลือกตั้งให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ โดยการแก้ไขจุดอ่อนที่เรียนรู้ผ่านการเลือกตั้งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และต้องเตือนตัวเองว่าเราหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า นอกจากปัญหาของการคิดคำนวนคะแนนไม่ได้สัดส่วนที่ถูกต้องแล้ว ยังมีปัญหาตามมาในการตรวจสอบถ่วงดุล มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ และ ส.ว.เลือกตั้ง เกิดการดูดก๊วน รวมพรรค รวมขั้วของพรรคต่างๆ จนไม่เกิดการตรวจสอบสมดุลอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภายในรัฐสภาและภายในฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงกลายเป็น ‘ข้ออ้าง’ ของการรัฐประหาร จนประเทศถูกแช่แข็งมา 15 ปีเต็ม คำถามคือประวัติศาสตร์เป็นแบบนี้ จะกลับไปจริง ๆ หรือ
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอเสนอให้ประชาชนพิจารณาต่อไป คือ ระบบการเลือกตั้งแบบ MMP ที่ไม่ใช่ระบบกลายพันธุ์แบบนายมีชัย เป็นทางออก ซึ่งระบบ MMP มีการใช้ในหลายประเทศรวมถึงเป็นข้อเสนอในการร่างรัฐธรรมนูญของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ สะท้อนเสียงของประชาชนได้มากที่สุด หรือต่อให้ไม่ใช่ในอุดมคติก็มีความพยายามที่จะใกล้เคียงมากที่สุด และอยู่ในหลักของระบบการเลือกตั้งที่ดี สนับสนุนให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมของพรรคการเมืองทุกพรรค สร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันทางการเมืองในระยะยาว ปิดจุดอ่อนได้ และตอบโจทย์การเมืองไทยในปัจจุบันและอนาคต และตนขอเรียกร้องรัฐสภาให้ปฏิเสธร่างของพลังประชารัฐ ที่ส่อเจตนาร้ายในการกินรวบสภานี้ออกไป และในเมื่อ พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติได้ผ่านการพิจารณาแล้ว ก็ควรเดินหน้าผลักดันคืนอำนาจให้กับประชาชน และปล่อยให้ ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนเป็นผู้ออกแบบระบบการเลือกตั้ง เพราะมีแต่การหารือ ถกเถียงของประชาชนเท่านั้นที่จะทำให้กติกาการเลือกตั้งซึ่งเป็นของประชาชนสามารถพูดได้ว่า ออกแบบมาเพื่อพวกเรา ที่พวกเราไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ในห้องนี้เป็นคนพูด ถ้าให้ประชาชนมาร่างรัฐธรรมนูญ ตนมั่นใจเต็มร้อยว่าเราจะมีรัฐธรรมนูญ และระบบเลือกตั้งที่ดีขึ้นกว่า 40 แน่นอน