“หลวงพี่ย้อย”เปิดใจทุกประเด็นที่ต้องสงสัยในพฤติกรรมไม่เหมาะสม

จากกรณีนายพงศกร จันทร์แก้ว “อดีตพระกาโตะ” พระนักเทศน์ชื่อดัง ออกมายอมรับว่าได้โอนเงินจำนวน 3 แสนบาทไปให้แก่พระคนกลาง เพื่อให้นำไปมอบให้ น.ส.ตอง สำหรับรักษาอาการป่วยไบโพลาร์ นอกจากนี้ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่ง เอาไว้สำหรับจ่ายให้สื่อท้องถิ่นเพื่อปิดข่าว กลางรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น ในขณะที่เงิน 6 แสนบาทที่นำมาเคลียร์สาวตอง 3 แสนและเคลียร์นักข่าว 3 แสนเป็นเงินที่กาโตะพร้อมคณะกรรมการผู้มีอำนาจไปเบิกออกมาจากบัญชีวัด จนกาโตะยอมรับและนำเงิน 6 แสนมาคืนผ่านคณะสงฆ์ กรรมการวัดเ และนายก อบต.กะเปียด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันนี้ 6 พ.ค. 2565  หลังจากพระธวัฒน์พล หรือ “พระย้อย” อายุ 35 ปี และนายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช อุปนายก/ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ถาวร จันทระพงษ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมือง ในคดีที่นายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช แจ้งความดำเนินคดีกับสมีกาโตะ ที่กล่าวระบุผ่านรายการโหนกระแสว่าได้จ่ายเงินให้นักข่าวเพื่อปิดการเปิดโปงคลิปฉาวกามกับสีกาตองเรียบร้อยแล้ว พระธวัฒน์พล หรือ “พระย้อย” ได้มีกองทัพสื่อมวลชนจากส่วนกลางหลายสำนักเดินทางมาสัมภาษณ์ แต่พระย้อย เกรงว่าเรื่องจะบานปลาย  จึงปรึกษากับนายไพฑูรย์ อินทศิลา ว่าจะเอาอย่างไร นายไพฑูรย์ จึงแจ้งกองทัพสื่อว่าขออนุญาติให้พระย้อยได้ฉันเพลก่อน จากนั้นจะเปิดใจให้สัมภาษณ์ในทุกเรื่องทุกประเด็นที่สื่อสงสัย โดยมีญาติโยมซื้ออาหารมาถวาย และมี พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป. ร่วมถวายภัตตาหาร และอนุญาติใช้ห้องศูนย์ปฏิบัติการ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นสถานที่ฉันเพลและแถลงข่าวกับสื่อมวลชน หลังจากฉันภัตตาหารเพลเสร็จเรียบร้อยแล้วพระธวัฒน์พล หรือ “พระย้อย” ได้เปิดโอกาสให้กองทัพสื่อสัมภาษณ์ โดยมี พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผกก.สภ.เมือง พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป. ร่วมอยู่ด้วย โดยสื่อมวลชนได้สอบถามกรณีที่มีชาวบานร้องเรียนพฤติกรรมของพระย้อย ว่ามักจะมีสีกามาหาที่วัดและขับรถพาออกไปนอกวัดเป็นประจำ ซึ่งพระย้อย กล่าวตอบว่า สีกาคนดังกล่าวคือ “ครูบี” ภรรยาที่บ้านที่แต่งงานอยู่กินกันถูกต้องก่อนที่อาตมาจะมาบวชแป็นพระ ส่วนสาเหตุที่อาตมาบวชเป็นพระเพราะต้องการอุทิศบุญกุศลให้ลูกสาวทมี่เสียชีวิตในท้องด้วยวัย 5 เดือน โดยอาตมาตั้งใจที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและบ้านเมือง แต่อาตมามีปัญหาเรื่องที่มีโรคประจำตัวหลายโรค สำไส้อักเสษ ไต้ติ่งอักเสษและแตกจะต้องเข้ารับการผ่าตัด ต้องเข้า รพ.บ่อยครั้ง รวมทั้งโรคกระเพาะ อาตมาไม่มีใครช่วยเหลือ อาตมาอยู่คนเดียวจะมีก็เฉพาะโยมครูบีคนเดียวที่คอยดูแลช่วยเหลือ แต่โยมครูบีเองก็มีภาระที่ต้องไปสอนหนังสือที่โรงเรียนใน อ.ฉวาง ระยะทางเกือบ 100 กม. และต้องดูแลปรนนิบัติคุณแม่อายุเกือบ 80 ปี ปละมีโรคประจำตัวมากหลายโรคเช่นกัน เมื่อตนมีอาการป่วยก็ต้องรอครูบีกลับจากโรงเรียนขับรถกว่า ชม.มาถึงใกล้ค่ำ ก่อนพากันไป รพ.กว่าจะกลับมาส่งที่วัดบางครั้งก็ค่อนข้างดึก


“อาตมารู้ตัวเองดีทุกอย่างว่าอาตมาบวชเพื่ออะไร ตั้งใจอุทิศบุญกุศลให้ลูกที่เสียชีวิต จึงไม่เคยคิดว่าจะสร้างบาปกรรมอะไรซ้ำเติมวิบากรรมที่ผ่านมาอีก พร้อมให้สื่อมวลชนตรวจสอบได้ทุกเรื่องทุกประเด็น อาตมายอมรับว่าอาตมาและโยมครูบี นั่งรถไปด้วยกันสองต่อสองเป็นเรื่องไม่เหมาะ เป็นโลกาวัชชะ แต่เป็นความจำเป็นจริง ๆ อาตมาคิดและสำนึกอยู่เสมอว่าหากอาตมากระทำกระทำผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นเสพเมถุนต้องปาราชิกเหมือนพระกาโตะ อาตมาไม้องให้มีใครมาจับสึกอาตมาจะเปลื้องจีวรสึกด้วยตนเองทันที และทุกคนสมามารถตรวจสอบประวัติอาตมาได้จาก ผกก. รอง ผกก.และตำรวจทั่วไปได้ตลอดเวลา เพราะอาตมามีจิตอาสาเคยเป็น อส.ตร.ชุดปราบปรามยาเสพติดช่วยเหลือตำรวจมาก่อน”  พระย้อย กล่าวอีกว่า ในเรื่องที่สื่อนำภาพครูบีนั่งบนโซฟาที่บ้านเช่าตอนอาตมาเป็นฆราวาสและเช่าบ้านใน อ.ฉวาง เมื่ออาตมาบวชครูบีได้กลับมาอยู่บ้านที่ อ.ร่อนพิบูลย์กับแม่ อาตมาจึงนำโซฟาชุดดังกล่าวมาไว้ในกุฏิ แต่เสื่อนำเอาภาพสองภาพที่ต่างเวลาต่างสถานที่กันมาประติดประต่อว่าครูบีมานั่งบนโซฟาในกุฏิอาตมา เพื่อให้ดูว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจจะสื่อให้เห็นถึงการกระทำผิดวินัยร้ายแรงถึงขั้นเสพเมถุน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ตอนที่อาตมาเป็นฆราวาสอยู่กินกับครูบี มาใช้โจมตีอาตมาและครูบีเพื่อให้สังคมเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่คนละเรื่อง คนละเวลาและต่างสถานะกันอย่างสิ้นเชิง


ด้านนายไพฑูรย์ อินทศิลา กล่าวว่า อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพระย้อยและครูบีด้วย ยอมรับว่าก่อนบวชเป็นพระอาจจะมีปัญหาครอบครัวมากมายหลายประการ การนำเสนอข่าวที่บิดเบือนส่งผลกระทบต่อพระยอยและครูบีอย่างหนัก แม่ที่แก่ชราหากทราบข่าวไม่ดีกับพระย่อยและครูบี ก็ห่วงว่าจะช็อคเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงขอให้นำเสนอข่าวโดยคำนึกถึงสิทธิส่วนบุคคลและอันตรายที่อาจจะเกิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย สำหรับเรื่องพระกาโตะที่กลายเป็นไอดอล ในขณะนี้นั้น ขอให้สำนักพุทธ ฯ คณะสงฆ์ และฝ่ายการเมืองร่างกฎหมายกำหนดโทษพระและสีกาที่เสพเมถุนนอกจากพระสึกแล้วทั้งคู่ต้องได้รับโทษทางอาญาสถานหนักด้วย นายไพฑูรย์ กล่าวในที่สุด.

 


ไพฑูรย์ อินทศิลา/จ.นครศรีธรรมราช

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น