วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 พ.ต.อ.สุธี วรรณสูตร ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสวน พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดี โดยเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางที่รถกระบะแล่นผ่านจากพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย – เมียนมาร์ ที่ซ่องสิบศพและจุดตรวจบ้านมะขามโพรง เพื่อทราบเบาะแสรถยนต์ที่ไล่ยิงรถกระบะบรรทุกแรงงานเถื่อน เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุการยิงอาจมาจากความขัดแย้งผลประโยชน์ในขบวนการค้าแรงงานเถื่อน และ มีการใช้อาวุธปืนยิงสกัดการหลบหนีจากผู้ปฏิบัติงานในสังกัดหน่วยงานของรัฐ ล่าสุดพบว่าเจ้าของรถกระบะที่บรรทุกแรงงานเถื่อนอยู่ที่อำเภอปราณบุรี แต่ไม่ทราบชื่อคนขับรถที่หลบหนี
พ.ต.อ.สุธี กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือแจ้งถึงนายอำเภอเมืองประจวบฯ เพื่อขอเชิญตัวเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจทุกนายท่าปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุมาให้ปากคำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เชิญเจ้าหน้าที่บางนายมาพบพนักงานสอบสวนแต่อ้างว่าติดภารกิจ ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ไม่มีแพะ เนื่องจากเป็นข้อหาที่มีเจตนาใช้อาวุธยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจขอเวลา 3 วันในการคลี่คลายคดี หรือหากผู้ที่ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่รถกระบะจะมามอบตัวก็ทำให้สรุปคดีเร็วขึ้น สำหกรับคดีนี้หากไม่มีอาวุธปืนของกลางเป็นหลักฐานหรือไม่สามารถตรวจเขม่าดินปืนจากผู้ต้องสงสัย เนื่องจากเกินระยะเวลา 12 ชั่วโมงหลังก่อเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมีวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อใช้พยานหลักฐานติดตามจับกุมคนร้ายได้
จ.อ.เสกสรรค์ จันทร คณะทำงานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการติดตามคดีนี้พบว่ามีความพยายามจะเป่าคดีเพื่อให้เรื่องเงียบ ขณะที่ชาวบ้านใน ต.เกาะหลักทราบว่าเป็นฝีมือของบุคคลกลุ่มใด เนื่องจากการใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่รถที่บรรทุกแรงงานเถื่อนมาเต็มหลังกระบะถึง 13 คน ที่มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายถึง 4 นัด เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไม่สอดคล้องกับหลักในการปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสากล ในการติดตามจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองไปดำเนินคดี ขณะนี้ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบการทำหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและควบคุมการคลี่คลายคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ศวิษฐ สำราญรมย์/จ.ประจวบคีรีขันธ์